SAWAD วิ่งชนซิลลิ่ง! คลายวิตกแบงก์รัฐปล่อยกู้แข่ง ฟาก “ธิดา” ย้ำ Q1 โตตามนัดไร้ปัญหา NPL

จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมาตรการเยียวยาหลายด้าน โดยเฉพาะมาตรการให้แรงงานนอกระบบประกันสังคมเพื่อเสริมสภาพคล่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเป็นลูกหนี้นอกระบบ โดยให้ให้สินเชื่อ 1 หมื่นบาท/ราย คาดประดังกล่าวกดดันให้รายได้ลดลง ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลและเทขายหุ้นในกลุ่มลิชซิ่งอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้

ล่าสุด นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์องค์กรบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศผ่านทางแฟนเพจ Facebook : ข่าวหุ้นธุรกิจ / Facebook : ข่าวหุ้นเจาะตลาด / YouTube Channel : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่า เป็นมาตรการที่ดีในช่วงเวลาขณะนี้ เนื่องจากขณะนี้จะต้องช่วยเหลือกัน ซึ่งหากมองจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้วประชาชนต้องการสภาพคล่องเพื่อใช้ในการดำรงชีพและใช้ในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ บริษัทไม่กังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบกับบริษัทแต่อย่างไร เนื่องจากมองว่าในยังมีความต้องการใช้เงินอีกเป็นจำนวนมาก และขณะนี้บริษัทได้มีการเตรียมสภาพคล่องเพื่อช่วยเหลือลูกค้าทั้งลุกค้ารายเก่า และลูกค้ารายใหม่ ที่มีการต้องการใช้เงินสดค่อนข้างสูง

ส่วนในเรื่องของ NPL บริษัทไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากมองว่าบุคคลที่เข้ามาขอสินเชื่อนั้นเป็นบุคคลที่ต้องการเงินเพื่อนำไปใช้ตามความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และตัวเลข NPL ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และเชื่อว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นเป็นแค่ช่วงสั้นและจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว

นางสาวธิดา กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง มีวงเงินกับธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกมาใช้อีกกว่า 5-6 พันล้านบาท ดังนั้น นอกจากที่บริษัทจะมีสภาพคล่องที่พร้อมแล้ว ยังมีวงเงินเหลือเพื่อช่วยผู้ที่เดือดร้อนและต้องการใช้เงินด่วนในสถานการณ์นี้ เช่นเดียวกับการรับรู้รายได้ที่ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ด้านทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พบว่าพอร์ตสินเชื่อค่อยๆ โตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และภายหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังพบว่ามีการเติบโตอยู่ เนื่องจาก SAWAD มีสาขาอยู่หลายพื้นที่ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่กังวลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/63 แต่อย่างใด

อนึ่งราคาหุ้น SAWAD ณ เวลา 12.14 น. อยู่ที่ระดับ 41.25 บาท บวก 4.75 บาท หรือ 13.01% สูงสุดที่ระดับ 41.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 465.23 ล้านบาท