WICE บวกแรง7% นิวไฮรอบ 3 เดือน ลุ้นงบ Q1 โตเด่นจากส่งออกจีนพุ่ง-ซื้อเคาะเป้า 2.60 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE  ณ เวลา 10.36 น. อยู่ที่ระดับ 2.14  บาท บวก 0.15 บาท หรือ 7.54%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 13.44 ล้านาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 3 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 2.20 บาท เมื่อวันที่ 24 ม.ค.63

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมอยู่ที่ 26%

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อย เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ชะลอตัวลง แต่การขนส่งอุปกรณ์ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของบริษัทยังมีความต้องการต่อเนื่อง เพียงแต่มีข้อจำกัดด้านการขนส่ง

อย่างไรก็ตามทจากเส้นทางการขนส่งทางอากาศที่มีจำนวนเที่ยวบินลดน้อยลง ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนไปขนส่งทางเรือมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการขนส่งทางเรือสามารถขนส่งได้มากกว่าการขนส่งทางอากาศ เพราะมีพื้นที่บรรทุกสินค้าและรับน้ำหนักได้ในปริมาณที่สูง

สำหรับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดนภายใต้การบริหารงานของบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ ETL ซึ่งดำเนินงานขนส่งในเส้นทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังประเทศจีนเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น

โดยในปี 2563 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตตามแผนงานที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ และสามารถทำผลงานให้พลิกกลับมามีกำไร จากการบริหารจัดการลดต้นทุนทุกส่วน ประกอบกับ ETL ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง 30-40% ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของการค้าผ่านแดน พร้อมทั้งขยายการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และเพิ่มปริมาณสินค้าเที่ยวขากลับให้มากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าปี 2563 จะเป็นอีกปีที่ดีของ WICE โดยบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ราว 2,700 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน ซึ่งเกิดจากการวางแผนดำเนินธุรกิจร่วมกับโครงข่ายโลจิสติกส์ ทั้ง ไวส์ โลจิสติกส์ ในสิงคโปร์, ฮ่องกง, เชินเจิ้น รวมถึง ETL และ “ไวส์ ซัพพลาย เชน โซลูชั่นส์”

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงมา 65% หลังจากลดคำแนะนำในเดือน พ.ค. 62 จนปัจจุบันซื้อขายเพียง P/BV20F 1.0 เท่า เทียบกับอดีต 3-4 เท่า และต่ำกว่าราคา IPO ที่ 2.10 บาท/ หุ้น (ก.ค. 58)

ขณะที่ตัวบริษัทมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง รายได้เติบโตเท่าตัวจากปี 2559 ทะลุ 2.0 พัน ลบ. และเครือข่ายขนส่ง เพิ่มเติมใน สิงคโปร์ และใน ฮ่องกง-จีน และสร้างธุรกิจ Cross boarder ได้แล้ว และกำลังจากผ่านจุดคุ้มทุนแล้วอีกด้วย มองว่าการที่ประเทศจีนเริ่มแสดงการฟื้นตัวในภาคการผลิต ก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อการกลับเข้าลงทุน โดยราคาเหมาะสม อิง P/E เฉลี่ย 3 ปี 20 เท่าได้ที่ 2.60 บาท/ หุ้น สะท้อนเป็น P/BV 1.8 เท่า