MINT ร่วง 3% หลัง “ฟิทช์” ดาวน์เกรดหุ้นกู้-โบรกฯคาดกำไรปีนี้หด 79%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนช …


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ล่าสุด ณ เวลา 10.41 น. อยู่ที่ระดับ 20.50 บาท ปรับตัวลดลง 0.60 บาท หรือ 2.84% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260.57 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงในวันนี้หลังจากมีรายงานจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนไม่กำหนดอายุ (Perpetual Bond) มูลค่า 15,000 ล้านบาท ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จากระดับ BBB+ ลดลงมาที่ระดับ BBB

เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ MINT ที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้จากระดับ BBB+ ลดลงมาที่ระดับ BBB เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโควิด-19  เป็นหลัก ทำให้เศรษฐกิจน่าจะตึงตัวขึ้นและกระทบต่อธนาคารพาณิชย์โดยรวม

สำหรับหุ้นกู้ MINT ถูกค้ำประกันโดย BBL ในวงเงิน 120% ของหุ้นกู้ที่ออกแล้วทั้งจำนวน ซึ่งนั่นหมายถึงเป็นการคำนวณรวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของหุ้นกู้ดังกล่าว

ทั้งนี้จากข้อมูลอ้างอิงของฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า หุ้นกู้ที่ออกไปก่อนหน้านี้ (จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ) งวดแรกที่ MINT จะถึงรอบถูก Call (first call date in 2021) คือปี 2564 และ MINT ออกขาย Perpetual Bond เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561 วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5.81% ต่อปี (หากเกิน 5 ปีจะมีดอกเบี้ยเพิ่มเติม) ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน

สำหรับผลกระทบเมื่อถูกปรับลดเครดิต (Downgrade) จะส่งผลกระทบในอนาคต เมื่อครบกำหนดอายุหุ้นกู้ (คาดว่าน่าจะครบ 5 ปีวันที่ 28 ก.ย. 2566) จะทำให้ MINT จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นและมีการเพิ่มสิทธิพิเศษและหรือสิทธิประโยชน์ (Privilege) ให้กับลูกค้าที่จะมาซื้อหุ้นกู้นี้ใหม่

ทั้งนี้ จากงบการเงิน MINT ณ สิ้นสุดปี 2562 พบว่า มียอดตัวเลขหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนไม่กำหนดอายุ (Perpetual Bond) จำนวนทั้งสิ้น 24,822 ล้านบาท มีการจ่ายดอกเบี้ยไปแล้ว 1,312 ล้านบาท

ขณะที่มีรายงานว่า NH Hotel Group (NH) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาดริด ประเทศสเปน ที่ MINT ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 94.1% จะมีการรายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 วันที่ 11 พ.ค. 2563 ที่จะถึงนี้

โดยเป็นที่น่าจับตาว่าผลประกอบการของ NH จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากน้อยอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากมีฐานประกอบการอยู่ในหลายประเทศทางภูมิภาคยุโรปที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่า MINT จะรายงานผลประกอบการงวดเดียวกันนี้ วันที่ 14 พ.ค. 2563 หรือประมาณ 3 วัน ภายหลังจาก NH แจ้งงบต่อตลาดหลักทรัพย์มาดริดแล้ว

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ประเมินว่า ตัวเลขกำไรปี 2563 ของ MINT จะปรับลดลง 79% มาอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท จากปี 2562 มีกำไรสุทธิ 10,697 ล้านบาท ปัจจัยมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และจากผลของการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 16 เป็นหลัก

โดย MINT เริ่มมาตรการลดต้นทุน เบื้องต้นโรงแรมบางแห่งในอิตาลีและสเปนถูกปิดชั่วคราวแล้ว ซึ่ง MINT อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ให้เช่าเพื่อขอส่วนลดค่าเช่าชั่วคราว นอกจากนี้ MINT พยายามลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานด้วยการให้พนักงานลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนและเลื่อนจ่ายเงินเดือนบางส่วนสำหรับผู้บริหารระดับสูง

ประเด็นที่น่ากังวลนั่นคืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ในระดับสูงที่ 2.2 เท่า (คำนวณโดยให้ Perpetual Bond เป็นส่วนหนี้) อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดปีนี้ MINT น่าจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้

โดยประเมินว่า MINT จะสามารถสร้าง EBITDA ที่ระดับ 15,000 ล้านบาท (เทียบระดับปกติ 23,000 ล้านบาทในปี 2562) ถือว่าเพียงพอจ่ายดอกเบี้ยที่ 4,800 ล้านบาท นอกจากนี้ MINT มีเงินสดในมืออยู่ที่ 13,300 ล้านบาท สูงกว่าหนี้ที่ 9,700 ล้านบาท ที่จะชำระคืนภายในปีนี้

Back to top button