TOP งบฯไตรมาสแรกขาดทุน 1.38 หมื่นลบ. เชื่ออุปสงค์ฟื้นครึ่งปีหลัง
TOP งบฯไตรมาสแรกขาดทุน 1.38 หมื่นลบ. เชื่ออุปสงค์ตลาดเอเชียฟื้นครึ่งปีหลัง
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2563 ดังนี้
โดยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงเนื่องจาก กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายลดลง 14,974 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์และปริมาณการขาย ผลิตภัณฑ์รวมที่ปรับลดลง และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 3.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เหตุผล หลักมาจากค่าการกลั่นที่ถูกกดดันอย่างหนักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบดูไบที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิท-19
อีกทั้งกำไรขั้นต้นจากกลุ่มอะโรเมติกส์ที่ลดลงจากภาวะอุปทานล้นตลาดที่เกิดจากการเปิดดำเนินการของโรงผลิตสารอะโรเมติกส์ ในประเทศจีน เมื่อรวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจากระดับราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างมากใน Q1/63 ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 18.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อหักขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิส่งผลให้กลุ่มไทย ออยล์มี EBITDA ลดลง 19,137 ล้านบาท
นอกจากนี้ เมื่อรวมขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน 377 ล้านบาท และขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่เพิ่มขึ้น 2,990 ล้านบาท หักค่าเสื่อมราคา และบวกกลับรายการค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว ใน Q1/63 กลุ่มไทยออยล์มีผล ขาดทุนสุทธิ 13,754 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ4,408 ล้านบาท ในไตรมาส 4/62
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 คาดการณ์ว่าตลาดสารพาราไซลีนจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น และอุปทานใหม่จากการเปิดดำเนินงานของโรงผลิตสารพาราไซลีนแห่งใหม่ในปี 2562 ที่ดำเนินการอย่างราบรื่น รวมถึง โรงผลิตสารพาราไซลีนแห่งใหม่ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการในครึ่งหลังของปี 2563 อีกประมาณ 2 ล้านตันในประเทศจีนและประเทศซาอุดิอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียคาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังการระบาดของไวรัสโควิท-19 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ อุตสาหกรรมเส้นใยและสิ่งทอฟื้นตัวได้ ประกอบกับมีการเปิดดำเนินการของโรงผลิตกรดเทเรพธาลิกบริสุทธิ์ในจีนที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 7.3 ล้านตันต่อปีในไตรมาส 4/63