TPCH จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่ม 46MW ไตรมาส 2 มั่นใจหนุนผลงานปีนี้โตต่อเนื่อง

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563) มีกำไรสุทธิ 85.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 84.85 ล้านบาท

ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 393.36 ล้านบาท สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นมาจาก บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้ ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ครบทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB),โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE),โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG) โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์

“สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/63 ยังมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 6 แห่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ตามปกติ และในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะ COD โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งมีกำลังการผลิตเสนอขายประมาณ 54 เมกะวัตต์ มั่นใจว่า รายได้และกำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน” นางกนกทิพย์กล่าว

ด้าน นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียม COD โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ (PTG) ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 21 เมกะวัตต์ ภายในพฤษภาคม 2563 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบในการเดินเครื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งเดินหน้าก่อสร้างและเริ่มทดสอบการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์1 (TPCH 1) ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 9.2 เมกะวัตต์,โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์2 (TPCH 2) ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 9.2 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 (TPCH 5) ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 6.3 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถ COD ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ภายในครึ่งปีหลัง

ส่วนแผนการดำเนินในอนาคตบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายในการมีใบอนุญาตในการขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ และโรงไฟฟ้าขยะ ให้ครบ 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 110 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ 10 เมกะวัตต์ จากการการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เพื่อผลักดันให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน