“โนมูระฯ” แนะเก็บ JMT ช่วงย่อตัว เชื่อผลงานทั้งปีแกร่ง อัตราเติบโตเฉลี่ย 16%

“โนมูระฯ” แนะเก็บ JMT ช่วงย่อตัว เชื่อผลงานทั้งปีแกร่ง อัตราเติบโตเฉลี่ย 16%


บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.63) ว่า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/63  อยู่ที่ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.1% จากไตรมาสก่อนตามการขยายพอร์ตหนี้ผสานรายได้จากส่วนกองหนี้ Fully Amortized (ตัดต้นทุนหมดแล้ว) ในไตรมาส 3/62 ด้านรายได้ 764 ล้านบาท เติบโตขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากประเด็นดังนี้

1) รายได้ IRR 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ตามการขยายพอร์ตหนี้ ซึ่งปี 62 ใช้เงินลงทุนไป 3.3 พันล้านบาท 2) รายได้ Fully Amortized (จากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดแล้ว) 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% เพราะว่าไตรมาส 3-4/62  มีกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด มูลหนี้ราว 7 พันล้านบาท

2) รายได้รับติดตามหนี้สิน (รับจ้าง) 97 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารพาณิชย์มีการตามหนี้เสียมากขึ้น

โดยยอดเก็บหนี้ (Cash Collection) ทำได้ 815 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (ไตรมาส 1/62  = 708 ล้านบาท) คาดเป็นผลจากการเข้าปรับโครงสร้างกับลูกหนี้ใหม่ ขณะที่ เปรียบเทียบ จากไตรมาสก่อน ลดลง -12% เนื่องจากไตรมาส 1 เป็น Low Season ของกำรเก็บหนี้(กำไรไตรมาส 4/62  เก็บได้ 931 ล้านบาท)

ด้าน ธุรกิจประกัน (JP Insurance, ถือสัดส่วน 55%) มีรายได้เบี้ยประกัน 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 37/57 ล้านบาท ใน กำไรไตรมาส 1-4/62 เพราะว่ามีการขายประกัน COVID-19 ที่มีผลตอบรับดี เป็นแรงเสริม อย่างไรก็ตามยังมีผลขาดทุนตามสัดส่วน 12 ล้านบาท จากผลขาดทุนเงินลงทุน (กำไรไตรมาส 1/63  = -3 ล้านบาท,กำไรไตรมาส 1/62 = -15 ล้านบาท)

ทั้งนี้ กำไรไตรมาส 1/63 คิดเป็น 27% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยแนวโน้มไตรมาส 2/63 มีโอกาสอ่อนตัวลง จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากความสามารถชำระคืนของลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown อย่างไรก็ตาม คาดกำไรทั้งปี 63 เติบโต 11.8% อยู่ที่ 761 ล้านบาท

โดยหวังกำไรจะฟื้นตัวได้เร็วช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 หลังเปิดเมือง ประกอบกับคาดรายได้ยังคงได้แรงหนุนจากขนาดพอร์ตหนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปี 62 ใช้เงินลงทุนไป 3.3 พันล้านบาท ได้สิทธิ์เรียกร้องหนี้เพิ่มขึ้น 2.8 หมื่นล้านบาท และ 4 เดือนแรกของปีอีกราว 1 หมื่นล้านบาท คาดใช้เงินลงทุน 900 ล้านบาท คิดเป็นราว 25% ของประมาณการเงินลงทุนทั้งปีที่3,500 ลบ. (เป้าบริษัท 4,500 ล้านบาท) โดยมองว่าทั้งปียังสามารถทำได้ตามคาด ซึ่งบริษัทจะสามารถประมูลซื้อพอร์ตหนี้มากขึ้นในครึ่งหลังของปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีหนีด้อยคุณภาพออกทจำหน่ายมาก

ประกอบกับแนวโน้ม NPL ยังสูงต่อเนื่อง โดยรวมคาดกำไร ปี 2563-2565 ที่ 761/ 907/ 1,068 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 3 ปี (CAGR) +16.2% ทั้งนี้ด้วย Upside จำกัดจากราคาเป้าหมาย (TP20F) ที่ 20.9 บาท ปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral และสำหรับซื้อลงทุน หรือรอซื้อช่วงราคาย่อตัว

Back to top button