ERW เด้งแรง 8% รับข่าวดีเปิดรร. “Hop Inn” 20 แห่ง โบรกฯชี้เงินสดแน่น เป้า 3.15 บ.
ERW เด้งแรง 8% รับข่าวดีเปิดรร. "Hop Inn" 20 แห่ง โบรกฯชี้เงินสดแน่น เป้า 3.15 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ล่าสุด ณ เวลา 10.49 น. อยู่ที่ระดับ 2.74 บาท ปรับตัวขึ้น 0.22 บาท หรือ 8.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.82 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับขึ้นตามภาวะดัชนีโดยรวม และมีปัจจัยบวกจากการที่ ERW กลับมาเปิดให้บริการ Hop Inn 20 แห่งในประเทศใน16 จังหวัดเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดเพิ่มหลังจากที่ทางภาครัฐฯเริ่มคลาย Lock down ทีละจังหวัด
ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ถือ” ERW ให้ราคาเป้าหมาย 3.15 บาท/หุ้น หลังจากรายงานขาดทุนสุทธิที่ 103 ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ที่ 57 ล้านบาท จากที่กำไร 176 ล้านบาท ในไตรมาส 4/62 และกำไร 235 ล้านบาทในไตรมาส 1/62 โดยรายได้อยู่ที่ 1.16 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 31.17% จากไตรมาสก่อน และ 31.77% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง 38%ในช่วงไตรมาส 1/63
ด้าน EBITDA Margin ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 18.3% จาก 34% ในไตรมาส 1/62 จากอัตราการเข้าพักที่อ่อนตัวลง เป็น 57% จาก 86% ในไตรมาส 1/62 ส่งผลให้ RevPar ปรับตัวลดลง 44% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในขณะที่ RevPar ของกลุ่ม Hop Inn ในประเทศปรับตัวลดลงเพียง 9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ Hop Inn ที่ฟิลิปปินส์ปรับตัวลดลง 13% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากมีฐานลูกเป็นคน Local ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จำกัด
ทั้งนี้โรงแรมของ ERW ที่อยู่ในประเทศได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 ในขณะที่ Hop Inn 5 แห่งที่ฟิลิปปินส์ได้หยุดให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2563
ทั้งนี้ ERW กลับมาเปิดให้บริการ Hop Inn 20 แห่งในประเทศใน16 จังหวัดเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดเพิ่มหลังจากที่ทางภาครัฐฯเริ่มคลาย Lock down ทีละจังหวัด และจะเริ่มให้บริการโรงแรมกลุ่ม Economy และ Midscale ต่อจากการเปิด Hop Inn ในขณะที่โรงแรมกลุ่ม Luxury จะกลับมาให้บริการหลังสุดเนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
ด้าน Hop Inn ที่ฟิลิปปินส์คาดว่าจะกลับมาให้บริการในเดือนมิ.ย. แต่ยังคงต้องรอมาตรการจากทางภาครัฐก่อน โดยERW ได้ทำการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยที่ผ่านมาสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไปได้ราว 60%
ทั้งนี้ ERW ยังมีเงินสดในมือที่ 1.4 พันล้านบาท และยังมีวงเงินกู้เพิ่มเติมจากทางธนาคารอีก 6.1 พันล้านบาท โดยที่ ERW มียอดที่ต้องทำการชำระในปี 2563 ที่ 1.1 พันล้านบาท และ ERW ได้ปรับลดแผนการใช้งบลงทุนในปี 2563 ลงเป็น 500-700 ล้านบาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะกลับมาเดินทางเร็วสุดในช่วงไตรมาส 4/63 ทาง ERW จึงจะเน้นเปิดให้บริการโรงแรมที่จะเน้นลูกค้าในประเทศก่อนและจะเป็น Location ที่สามารถเดินทางได้โดยการขับรถอย่างเช่นที่ พัทยาและหัวหิน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ERW ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยตรงและคาดว่าผลกระทบจะยาวนานกว่าที่เคยคาดการณ์ เราจึงปรับคำแนะนำ “ถือ” และคาดว่าปี 2563 จะมีผลดำเนินงานเป็นขาดทุนที่ 801 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่ากลุ่มท่องเที่ยวจะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่ากลุ่มอื่นๆเนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบในวงกว้าง และจะมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 3.15 บาท จากการอิง EV/EBITDA ที่ 13.5X (-0.5SD) อย่างไรก็ดี ประเด็นของ Liquidity ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจาก ERW ยังคงมีเงินสดในมือที่ 1.4 พันล้านบาท และยังมีวงเงินสินเชื่อกู้เพิ่มได้อีกราว 6.1 พันล้านบาท และ ERW ได้ปรับลดการใช้ CAPEX จาก 1.4 พันล้านบาท เป็น 500-700 ล้านบาท ส่งผลให้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้และดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง