CBG แค่จุดเริ่มต้น.!?
ตกใจไม่น้อย อยู่ ๆ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ก็ขายขายหุ้นออกมา...โดยเป็นการขาย Big Lot จำนวน 22.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.25% ของหุ้นทั้งหมด ให้แก่กลุ่มนักลงทุนในประเทศ และหรือต่างประเทศ ไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวรัชดา
ตกใจไม่น้อย อยู่ ๆ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ก็ขายขายหุ้นออกมา…โดยเป็นการขาย Big Lot จำนวน 22.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.25% ของหุ้นทั้งหมด ให้แก่กลุ่มนักลงทุนในประเทศ และหรือต่างประเทศ ไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลให้ “เสถียร” จากเดิมหุ้น CBG สัดส่วน 34.37% เหลือถือแค่ 32.12%…
ทำให้เมื่อวันพุธที่ 27 พ.ค. 2563 มีแรงเทขายหุ้น CBG อย่างหนัก ทำราคาต่ำสุดที่ระดับ 95 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 95.50 บาท ปรับลดลง 4.50 บาท หรือคิดเป็นปรับลดลง 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4,447 ล้านบาท
แม้จะมีคำชี้แจงกับกรณีการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งนี้ว่า “เพื่อนำเงินจากการขายส่วนใหญ่ใช้เป็นแหล่งทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจในประเทศจีนผ่านบริษัทร่วมทุน และในขณะเดียวกันก่อให้เกิดผลประโยชน์ในด้านการต่อยอดอัตราการเติบโตของบริษัทในระยะยาว”
แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถยับยั้งอาการตกอกตกใจของนักลงทุนได้…จึงพร้อมใจกันเทหุ้น CBG เพื่อลดความเสี่ยง
จะว่าไปก็น่าคิด…CBG เป็นบริษัทที่เติบโตดี ปีหนึ่ง ๆ ทำกำไรไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท…
ดูได้จากผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา…ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,489 ล้านบาท จากรายได้รวม 10,112 ล้านบาท ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,245 ล้านบาท จากรายได้รวม 13,067 ล้านบาท ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,158 ล้านบาท จากรายได้รวม 14,597 ล้านบาท ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 2,506 ล้านบาท จากรายได้รวม 15,051 ล้านบาท
ล่าสุดไตรมาสแรกปี 2563 ฟาดกำไรสุทธิ 800 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,092 ล้านบาท
แถมมีกระแสเงินสดและเทียบเท่าอยู่ตั้ง 3,998 ล้านบาท…
เรียกว่า กระแสเงินสดไม่ขาดมือเลยนะเนี่ย…
ดังนั้น ระดับ CBG จะไปลงทุนในจีนทั้งที…ทำไมต้องพึ่งพาเงินส่วนตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยล่ะ..?
มันน่าแปลกจริง ๆ…
การขายหุ้นออกมาครั้งนี้ จึงเป็นที่น่าจับตา…เป็นแค่จุดเริ่มต้นในการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเปล่า..?
เพราะไม่มีใครตอบได้ว่า “เสถียร” คิดอะไรอยู่ และจะขายหุ้นออกมาอีกมั้ย..?
ก่อนหน้านี้ก็มีหลายบริษัทมามุกนี้ ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ค่อย ๆ รินหุ้นออกมา ขายให้กับสถาบันบ้าง ขายให้กับกองทุนบ้าง เช่น บริษัทที่ทำสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ จนสุดท้ายเหลือหุ้นน้อยลง
ผู้ถือหุ้นใหญ่รวย…ได้เงินก้อนโตเข้ากระเป๋า แต่ถามว่าบริษัทได้อะไร..?
อย่างเคสของ “เสถียร” ขาย Big Lot ที่ราคา 95 บาท ก็จะฟันกำไรไปเหนาะ ๆ แค่ 2,000 ล้านบาท (คำนวณจากราคาพาร์ 10 บาท)
งานนี้บอกได้คำเดียวว่า “เสถียร” รวยเละ..!
ส่วนธุรกรรมที่น่าจะพอเป็นไปได้…“เสถียร” อาจนำเงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ให้กับบริษัทร่วมทุนในจีน (ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่าง “เสถียร” และพันธมิตรจีน) เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ หรือมาซื้อสินค้าของ CBG เพื่อไปขายในตลาดจีน ก็อาจเป็นไปได้
ก็ต้องรอดูว่า หลังจากนี้ยอดขายในตลาดจีนจะเติบโตมากน้อยแค่ไหน..?
แต่ไม่รู้ว่า ราคาหุ้นที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้จากราคาต่ำร้อยมาเต็มร้อย (ราคาปิดตลาดวันอังคารที่ 26 พ.ค. 2563 อยู่ที่ 100 บาท) จะเกี่ยวโยงกับดีล Big Lot นี้หรือเปล่าน๊าาา..?
หรือถ้าใครรู้จะสายตรงมากระซิบบอกสำนักข่าวรัชดาหน่อย ก็ไม่ว่ากันนะคะ…
…อิ อิ อิ…