SCC บวก 4% โบรกฯ ชูหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง รับผลดีรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-ปันผลสูง
SCC บวก4% นิวไฮรอบ 6 เดือน โบรกฯชูหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง รัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-ปันผลดี ล่าสุดอยู่ที่ 286 บาท บวก 14 บาท หรือ 3.76% มูลค่าซื้อขาย 2.11 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ล่าสุด ณ เวลา 14.44 น. อยู่ที่ 286 บาท บวก 14 บาท หรือ 3.76% สูงสุดที่ 387 บาท ต่ำสุดที่ 374 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.11 พันล้านบาท
ทั้งนี้ นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังของปี 63 จะยังคงผันผวนสูงจาก 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้าออกไป หรือต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2. ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้น
รวมทั้ง 3. ในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่บริษัทต่าง ๆ จะผิดนัดชำระหนี้ หรือล้มละลาย หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ สิ้นสุดลง และ 4. ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yield)
สำหรับธีมหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คือ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงต่ำหากเกิดการแพร่ระบาดระลอกสอง รวมทั้งมีความปลอดภัยจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี คือ BAM, CBG และ CPALL รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินชีวิตแบบ New Normal แนะนำ TRUE และแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ CK และ SCC ดังนั้น 6 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง คือ BAM, CBG, CK, CPALL, SCCและ TRUE
ส่วนหุ้นเด่นเดือนนี้ แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการสัญจรที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ เปิดเทอม การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คือ BEM และ PTG และหุ้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 ออกมาดี มีเงินปันผลระหว่างกาล แนะนำ CBG, DCC, SCC และ TVO เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่แนะนำเดือนนี้ คือ BEM, CBG, DCC, PTG, SCC และ TVO
ส่วนแนวรับตลาดหุ้นไทย (SET Index) เดือน ก.ค.แนวรับแรกอยู่ที่ 1,305 จุดและแนวรับถัดไปที่ 1,300, 1,280 จุด และ 1,260 จุด ตามลำดับ ส่วนต้านแรกของหุ้นไทยอยู่ที่ 1,350 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,380 จุดตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในหุ้น คือ แนวโน้มการลงทุนในวิถีปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งหลังจากนี้ผู้ลงทุนอาจจะต้องยอมรับราคาหุ้นที่แพงขึ้น ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และคาดหวังผลตอบแทนที่ลดลง เพราะคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกน่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำมาก และอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) เพื่อประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ส่งผลให้สินทรัพย์ลงทุนหลักของโลกแพงขึ้นทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้น