AMA วิ่งฉิว 6% รับข่าวจับมือ 2 พันธมิตรต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ มั่นใจผลงานไตรมาส 2 โตเด่น
AMA วิ่งฉิว 6% รับข่าวจับมือ 2 พันธมิตรต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ มั่นใจผลงานไตรมาส 2 โตเด่น โดย ณ เวลา 15.33 น. ราคาอยู่ที่ 5.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.66% สูงสุดที่ 5.75 บาท ต่ำสุดที่ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9.74 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ล่าสุด ณ เวลา 15.33 น. อยู่ที่ 5.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.66% สูงสุดที่ 5.75 บาท ต่ำสุดที่ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9.74 ล้านบาท
AMA เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรกลุ่มโลจิสติกส์ จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งในอุตสาหกรรมที่ไม่ซ้ำกับธุรกิจ AMA และเป็นบริษัทที่มีกำไรสุทธิ เบื้องต้นบริษัทจะเข้าไปมีส่วนในการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
ส่วนผลงานไตรมาส 2/63 จะเติบโตได้ดีอย่างมาก เพราะธุรกิจขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนปรับลดลง รวมถึงลูกค้ารายใหญ่ 3 ราย ซึ่งติด TOP 5 ระดับโลก คิดเป็น 75% ของรายได้รวม รวมถึงลูกค้ารายย่อยอื่นๆ เข้ามาใช้บริการขนส่งน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชมากขึ้น จน Utilization Rate พุ่งถึง 96% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ที่ต่ำกว่า 80%
พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆอีกเป็นจำนวนมากด้วย ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนปรับกองเรือให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 13,000 ตัน/เที่ยว และ 15,000ตัน/เที่ยว โดยมีแผนซื้อเรือเพิ่ม 1 ลำ จากปัจจุบันมี 11 ลำ และขายเรือไปแล้ว 1 ลำ โดยปัจจุบันบริษัทให้บริการ 6 เส้นทางหลัก ได้แก่ 1.เมียนมา 2. เวียดนาม 3. ฟิลิปปินส์ 4. เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 5. จีน และ 6. อินเดีย
ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้าเหลวทางรถในประเทศที่ดำเนินการโดยบริษัทย่อย บริษัท เอ เอ็ม เอ โลจิสติกส์ จำกัด (AMAL) ล่าสุดลูกค้ารายหลักและเป็นผู้ถือหุ้น อย่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้เพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ส่วนลูกค้ารายใหม่ อย่าง บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ก็เพิ่มการขนส่งไบโอดีเซล B100 มากขึ้นเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆอีก 2-3 รายด้วย
โดยช่วงที่เหลือของปี 2563 บริษัทมีแผนเพิ่มกองรถอีก 60-80 คัน ซึ่งเพิ่มไปแล้ว 25 คัน โดยจะเพิ่มในช่วงไตรมาส 4/63 เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จากสิ้นปีก่อนที่กองรถทั้งสิ้น 211 คัน สำหรับทั้งปี 2563 คาดจะเติบโตกว่าปี 2562 อย่างไรก็ดีต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันด้วย