JMT วิ่งยาว 6 วันพุ่ง 17% จับตากำไรไตรมาส 2 “ออลไทม์ไฮ” รับธุรกิจบริการหนี้โตแกร่ง
JMT วิ่งยาว 6 วันพุ่ง 17% จับตากำไรไตรมาส 2 “ออลไทม์ไฮ” รับธุรกิจบริการหนี้โตแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 10.07 น. อยู่ที่ระดับ 26.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 3.92% สูงสุดที่ระดับ 27.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260.06 ล้านบาท โดยราคาหุ้น JMT ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 วันติด คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 3.38 บาท หรือ 17% เมื่อเทียบกับราคาปิดที่ระดับ 22.70 บาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดผลการดำเนินงานของ JMT ในไตรมาสที่ 2 มีโอกาสทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือ All time high สวนทางตลาดหุ้นไทย
โดยจะมีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วยเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจบริหารหนี้ที่เติบโตดี มียอดเงินสดเรียกเก็บที่โตกว่า 810 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเก็บหนี้ยังทำได้ใกล้เคียงไตรมาสก่อนที่ 95 ล้านบาท รวมทั้งธุรกิจบริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะพลิกมีกำไรจากไตรมาสก่อน จากกำไรเงินลงทุนและรายได้กรมธรรม์
ทั้งนี้ JMT มีความพร้อมที่จะซื้อหนี้เพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงปรับเป้ากำไรปีหน้าเพิ่มขึ้น 33% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่า NPL จะไหลเข้าสู่ระบบอีกมาก ถือเป็นโอกาสของ JMT ที่จะซื้อหนี้เพิ่ม 4,500 ล้านบาทต่อปี มากกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม สนับสนุนให้ยอดเก็บเงินสดปีหน้าเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน และกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด หนุนอัตรากำไรสุทธิขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยแนะนำ “ซื้อ” JMT ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 31.50 บาท
ด้านบล.บัวหลวง ปรับกำไรของ JMT ในปี 2563/2564 ขึ้น 3% และ 4% เป็น 820 ล้านบาทและ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากซื้อกองหนี้ที่มากกว่าคาด โดยที่กองหนี้ในไตรมาส 1/63 เพิ่มขึ้น 34% เทียบปีก่อน และ 5% เทียบกับไตรมาสก่อนเป็น 7.9 พันล้านบาท ดังนั้นจึงปรับสมมุติฐานการซื้อหนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดโต 22% เป็น 25%
นอกจากนี้มองว่า บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ JP Insurance จะพลิกมามีกำไรในครึ่งปีหลัง (หลังจากที่ขาดทุนในครึ่งปีแรก) เพราะบริษัทได้ทยอยปรับพอร์ตที่เดิมมีรถแท็กซี่ที่เห็นตัวเลขการเคลมเยอะมาเป็นรถส่วนบุคคลที่การเคลมน้อยกว่า แต่ได้ค่าเบี้ยประกันไม่ต่างกันมาก โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม 20 บาท เป็น 25 บาท แนะนำ “ซื้อ”