STI คาดปีนี้ตุนแบ็คล็อกกว่า 5 พันลบ. ตั้งเป้า 3-5 ปีดันรายได้แตะ 2 พันลบ.

STI คาดปีนี้ตุนแบ็คล็อกกว่า 5 พันลบ. ตั้งเป้า 3-5 ปีดันรายได้แตะ 2 พันลบ.


นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 3-5 ปี (63-67) จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยอย่างน้อย 10% ต่อปี เป็นผลมาจากการบริษัทเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องทั้งงานของภาครัฐและภาคเอกชน

ล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) ในสัดส่วน 63.75% ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มมาเป็นกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 4-5 ปีจากนั้น

โดยบริษัทยังคาดว่าช่วงปลายปี 63 นี้จะมี Backlog เพิ่มเป็นมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีงานประมูลขนาดใหญ่ออกมาทั้งจากภาคเอกชน อาทิ โครงการอาคารสำนักงาน และ โครงการ mixed use ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 6-7 โครงการ ซึ่งมีสัดส่วนที่เป็นงานของ STI มูลค่าราว 300-400 ล้านบาท รวมไปถึงงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 3-4 โครงการที่จะทยอยรู้ผลประมูลในข่วงที่เหลือของปี

ขณะเดียวกัน จากที่ผ่านมาโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐบาลได้มีการชะลอออกไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่หลังจากนี้เชื่อว่าภาครัฐจะเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา อาทิ โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มอเตอร์เวย์ และรถไฟทางคู่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในข่วงที่เหลือของปีนี้

“ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะส่งผลกระทบไปในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ STI เองไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีงานโครงการต่างๆที่อยู่ในมือต้องดำเนินการต่อเนื่อง ประกอบกับการชะลอตัวของโครงการขนาดเล็กและขนาดกลาง ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างลดลงราว 10-15% ดังนั้นโครงการขนาดใหญ่ของภาคเอกชนจึงเร่งดำเนินการต่อเนื่อง เราจึงได้รับปัจจัยหนุนจากในส่วนนี้ด้วย เราคาดว่าช่วงปลายปีนี้เราจะมีงานในมือมากกว่า 5,000 ล้านบาท” นายสมเกียรติ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาและตรวจสอบสถานะทางการเงินการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่มีรูปแบบธุรกิจใกล้เคียงกัน เพื่อเข้ามาเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ STI และ AEC ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทยังเหลือเงินทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ราว 40-50 ล้านบาท และยังสามารถกู้เงินจากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติมด้วย

สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 80% หรือมีรายได้ราว 1,200-1,500 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ AEC เข้ามาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/63 ขณะที่การรับรู้รายได้ในส่วนงานของ STI เองก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

Back to top button