MINT คืนกำไรผู้ถือหุ้น ราคาเพิ่มทุนดึงดูดใจ หวังเดินหน้าโตไปด้วยกัน

MINT คืนกำไรผู้ถือหุ้น ราคาเพิ่มทุนดึงดูดใจ หวังเดินหน้าโตไปด้วยกัน


หากพูดถึงปราชญ์ทางด้านตลาดหุ้นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ย่อมมีข้อคิดดีๆ มอบให้กับนักลงทุนมากมายหลายอย่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละรายจะหยิบยกข้อคิดอันไหนมาใช้เป็นแนวทางในการซื้อหุ้น ดังเช่นคำพูดที่ว่า

“การลงทุนที่ชาญฉลาดทั้งหมดมาจากการลงทุนที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน คือซื้อในราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่า คุณจำเป็นจะต้องประเมินมูลค่าของธุรกิจเป็น คือคำพูดของ “ชาลี มังเกอร์” เสมือนเป็นการเน้นย้ำให้นักลงทุนคำนึงถึง ”ปัจจัยพื้นฐาน” เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องนึกถึงเป็นลำดับแรกเสมอ

ไม่เพยงเท่านั้นยังมีการเน้นย้ำถึงคีย์หลักที่จะทำให้นักลงทุนทำกำไรจากหุ้นตัวนั้นๆ ได้อย่างสบายใจด้วยการชี้ให้เห็นว่า

อย่าลืมซื้อในสิ่งที่มีส่วนลด!

ศาสตร์การลงทุนดังกล่าวจึงตรงกับสถานการณ์ของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT  ซึ่งมีมติปรับลดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน Right Offering (RO) จำนวนทั้งหมด 563.29 ล้านหุ้น ลดลงเหลือเพียง 17.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ถูกลงกว่าเดิมถึง 7.40% จากก่อนหน้านี้กำหนดราคาไว้ที่ 18.90 บาทต่อหุ้น และยังมีส่วนลดจากราคาปิดวานนี้ (14 ก.ค.63) มากถึง 8.4%

จุดที่น่าสนใจคือ การปรับราคาเพิ่มทุนลง 7.40% อยู่ในเงื่อนไขการเพิ่มทุนตั้งแต่แรก ซึ่งกำหนดว่า  สามารถปรับราคาหุ้น RO ได้ไม่เกิน 10% ส่งผลให้การกระทำของ MINT ในครั้งนี้เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก พร้อมกับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าลงทุนในหุ้นพื้นฐานแกร่งที่อยู่ใน SET 50 ซึ่งมีส่วนลดแบบจุใจในสไตล์ “นักลงทุนที่เน้นคุณค่า”

ยิ่งมองในมุมของธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารที่มีแบรนด์ดังอยู่ในมือ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ยิ่งทำให้เห็นราคาหุ้นในกระดานยัง “Undervalue” หรือต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง และประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นแรงหนุนให้ราคาเพิ่มทุน RO ดึงดูดใจมากขึ้นในทันที

ประกอบกับผู้ถือหุ้นใหญ่ประกาศความพร้อมที่จะ “ใช้สิทธิ” จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ตามสัดส่วน รวมถึงการส่งสัญญาณจองซื้อหุ้นใหม่เกินกว่าสิทธิหรือ “Oversubscribe” ย่อมช่วยเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายย่อยที่มีความประสงค์จะใช้สิทธิได้ไม่มากเลยทีเดียว

สิ่งที่นักลงทุนทุกท่านอยากทราบ… คงหนีไม่พ้นคำถาม หลังเพิ่มทุนแล้วเสร็จ ฐานะการเงินของ MINT จะเป็นอย่างไร?

คำตอบของเรื่องนี้ง่ายมากเลยทีเดียวคือ หากอ้างอิงจากงบการเงินไตรมาส 1 ปี 63  อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Interest-Bearing Debt to Equity Ratio (IBD/E) อยู่ที่ 1.61 เท่า และเมื่อมีการเพิ่มทุนเสร็จสรรพครบตามจำนวน บริษัทจะได้รับเงินสดสูงถึง 9.90 พันล้านบาท ซึ่งหนุนให้อัตราส่วนดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 1.43 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่ประเมินได้ทันทีว่า งบดุลแข็งแรง (ต่ำกว่า 1.50 เท่า)

นอกจากนี้บริษัทยังมีการถือครองเงินสดในมือสูงในระดับ 2.07 หมื่นล้านบาท(สิ้นงวดไตรมาส 1 ปี 63) ซึ่งเป็นระดับที่ช่วยให้การดำเนินงานมีความคล่องตัว และยังเป็นการชี้ให้เห็นว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะประคองธุรกิจให้ก้าวพ้นผ่านวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้แล้ว!

ที่สำคัญหากประเมินสถานการณ์ในภายภาคหน้าด้วยความคาดหวัง การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และจะเริ่มจำหน่ายวัคซีนเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2  ปี 64 ก็จะทำให้ผลการดำเนินงานของ MINT กลับมาฟื้นตัวโดดเด่นอีกครั้งในปี 2564

จึงสรุปได้ว่า จังหวะเวลาเหมาะสม ราคาเพิ่มทุนได้เปรียบ และความเสี่ยงจำกัด ครบองค์ประกอบสำหรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน MINT…

พร้อมกันนี้ยังมีคำแนะนำจาก “พิเชษฐ์ สิทธิอำนวย” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 กรกฎาคม 63 และขอแนะนำให้ถือหุ้นต่ออีกระยะหนึ่ง เพื่อรับสิทธิ์จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ MINT-W7 ซึ่งมีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรร(Record Date) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563

เมื่อไล่เรียงไทม์ไลน์ทั้งหมดจะเห็นว่า MINT เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทน 3 เด้ง เริ่มตั้งแต่การเพิ่มทุนก็มีส่วนลดให้ผู้ถือหุ้น พ่วงด้วยการแจกวอร์แรนต์เป็นของแถม และเด้งใหญ่สุดน่าจะมาในปีหน้าคงเป็นเรื่องราคาหุ้นพุ่งแรงอันเป็นผลมาจากธุรกิจรันเต็มตัวนั่นเอง!

Back to top button