OSP ‘เพชร’ ถอย..!
ที่ผ่านมาถ้าพูดถึงบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จะถูกผูกมัดอยู่กับ “โอสถานุเคราะห์” เมื่อนึกถึง OSP ก็จะนึกถึง “โอสถานุเคราะห์”..นึกถึง “โอสถานุเคราะห์” ก็จะนึกถึง OSP เป็นภาพจำมาเกือบ 129 ปีแล้ว
สำนักข่าวรัชดา
ที่ผ่านมาถ้าพูดถึงบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จะถูกผูกมัดอยู่กับ “โอสถานุเคราะห์” เมื่อนึกถึง OSP ก็จะนึกถึง “โอสถานุเคราะห์”..นึกถึง “โอสถานุเคราะห์” ก็จะนึกถึง OSP เป็นภาพจำมาเกือบ 129 ปีแล้ว
แต่ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของ OSP 2 เรื่องใหญ่ ๆ…
เรื่องแรกการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2563 กลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” ได้แก่ 1.Orizon Limited 2.เพชร โอสถานุเคราะห์ 3.ภูรี โอสถานุเคราะห์ และ 4.ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ตัดขายหุ้นรวมกัน 90 ล้านหุ้น หรือราว 3% จนเหลือถือ 27.69%
โดยขายที่ราคาเฉลี่ย 37 บาท มูลค่ารวมกว่า 3,330 ล้านบาท ซึ่งกลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” ฟันกำไรไป 3,240 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนหุ้น OSP เพียง 1 บาท (คำนวณจากราคาพาร์) ทำให้มีกำไรส่วนต่างจากราคาหุ้นครั้งนี้ 36 บาทต่อหุ้น
โอ้วววแม่เจ้า…รวยเละ..!! น่าอิจฉาจริง ๆ…
และล่าสุดมีการปรับโครงสร้างองค์กร โดย “เพชร” ยอมถอย…ลาออกจากประธานคณะกรรมการบริหารและ CEO แล้วมานั่งรองประธานกรรมการ แทน… เปิดทางให้คนนอกอย่าง “กรรณิกา ชลิตอาภรณ์” มานั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร และ “ธนา ไชยประสิทธิ์” มานั่ง CEO
กรณีนี้น่าสนใจ มองได้ 2 มุม…ถ้ามองมุมบวก เป็นการดึงมืออาชีพเข้ามา ไม่จำกัดแค่ “โอสถานุเคราะห์” เท่านั้น
เพราะถ้า “โอสถานุเคราะห์” ยังกุมบังเหียนอยู่ ก็อาจจะโตลำบาก เนื่องจาก OSP ผ่านความยิ่งใหญ่มาแล้ว เป็นเบอร์หนึ่งในตลาด ยังโตได้เรื่อย ๆ แต่จะไม่หวือหวา…
ดูได้จากผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ปี 2561 มีรายได้รวม 25,163 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,005 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 26,350 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,259 ล้านบาท และไตรมาสแรกปี 2563 มีรายได้รวม 6,967 ล้านบาท กำไรสุทธิ 925 ล้านบาท
การถอยของ “โอสถานุเคราะห์” เพื่อเปิดทางให้มืออาชีพเข้ามาครั้งนี้ จึงถูกคาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ OSP อย่างมีนัยสำคัญ…
จากเดิมที่ต้องทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อาจขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน พอมีมืออาชีพเข้ามา จะมี KPI เป็นตัวชี้วัด นั่นทำให้ “กรรณิกา” และ “ธนา” สองคนนี้ต้องสร้างโปรไฟล์และผลงาน ให้เข้าตาบอร์ดและผู้ถือหุ้น อาจต้องมีการกระตุ้นยอดขาย ทำการตลาด เพื่อหนุนการเติบโตของ OSP
ก็น่าจับตาว่า ภายใต้การนำของแม่ทัพใหม่… OSP จะเปลี่ยนไปแค่ไหน..? เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป…
ส่วนอีกมุม เป็นที่น่าสังเกต ไม่เชิงเปลี่ยนแค่โครงสร้างองค์กรเท่านั้น แต่จากการที่ก่อนหน้านี้ กลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” เทขายหุ้นออกมา…ทำให้การถอยร่นครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำว่า กลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” ต้องการถอยแล้วใช่หรือไม่..?
เนื่องจากครั้งก่อนที่ กลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” ขายหุ้นออกมา ก็ระบุชัดว่าจะไปให้น้ำหนักกับธุรกิจใหม่ด้านการศึกษา
ก็น่าคิดว่า กลุ่ม “โอสถานุเคราะห์” จะขายหุ้นอีกมั้ย เพื่อเอาเงินไปลงทุนธุรกิจใหม่
ถ้าทยอยขายอีก จะเป็นลางสังหรณ์ในเชิงลบหรือไม่..?
เพราะการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกมานั้น มักถูกตั้งคำถามจากนักลงทุนว่า ถ้าบริษัทดีจริง…ทำไมต้องขาย ??
ยังไง “เฮียเพชร” ก็น่าจะบอกกล่าวให้นักลงทุนหายข้องใจหน่อยก็ดีนะ…
เรื่องอย่างนี้ไม่ควรปล่อยให้เขาคิดเตลิดไปไกล เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ ไม่รู้ด้วยนะ…
…อิ อิ อิ…