ALT เกาะหางราชสีห์
ช่วงแรก ๆ ที่บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (4 ก.ค. 2559 ราคาไอพีโอ 4.70 บาท) เป็นหุ้นอีกตัวที่สร้างความหวือหวา แต่หลัง ๆ มาชักเงียบ...ธุรกิจค่อนข้างนิ่ง
สำนักข่าวรัชดา
ช่วงแรก ๆ ที่บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (4 ก.ค. 2559 ราคาไอพีโอ 4.70 บาท) เป็นหุ้นอีกตัวที่สร้างความหวือหวา แต่หลัง ๆ มาชักเงียบ…ธุรกิจค่อนข้างนิ่ง
ราคาจะมาเป็นช่วง ๆ เพราะมีสตอรี่เรื่องการฟ้องร้องกับคู่กรณี ทำให้นักลงทุนสนใจ…แต่ในแง่พื้นฐานธุรกิจไม่ค่อยจูงใจเท่าใด…
ที่จริงธุรกิจหลักของ ALT ก็ไม่ต่างจากการสร้างถนนให้รถมาวิ่ง…เพราะเป็นคนสร้างโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมให้กลุ่มผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมมาเช่าใช้งาน…
ข้อดีของโมเดลนี้คือ จะสร้างรายได้กลับเข้ามาในรูปของค่าเช่า ทำให้บริษัทมีรายได้ประจำ หรือ Recurring Income…ซึ่งช่วง 10 ปีที่แล้วถือว่าเวิร์กมาก ทำให้ธุรกิจบูมมาพักหนึ่ง
แต่หลัง ๆ มาด้วยเทคโนโลยีเปลี่ยนไป ประกอบกับค่ายสื่อสารหันมาทำเอง เลยทำให้ลูกค้าของ ALT หดหาย กลายเป็นเงินจมไปกับการลงทุน
เป็นสาเหตุที่ฉุดให้ผลประกอบการ ALT ช่วงที่ผ่านมาถดถอยลงเรื่อย ๆ…
จากปี 2559 เคยมีรายได้รวม 2,038 ล้านบาท กำไรสุทธิ 279 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวมลดเหลือ 1,309 ล้านบาท กำไรสุทธิลดฮวบเหลือ 56 ล้านบาท ปี 2561 รายได้รวมเหลือแค่ 892 ล้านบาท พลิกมาขาดทุนสุทธิ 286 ล้านบาท ปี 2562 รายได้รวม 955 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 132 ล้านบาท
ALT เลยพยายามปรับโมเดลใหม่ หันไปจับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเข้าไปสร้างโครงข่ายฯ ให้บริษัทที่อยู่ในนิคมฯ มาเช่าใช้บริการ
ประเดิมที่นิคมฯ นวนคร ด้วยการตัดขายหุ้นบริษัท ไทธนันต์ จำกัด สัดส่วน 51% ให้กับบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL ซึ่งดูแล้วสถานการณ์ไปได้ดีเลย…
ล่าสุดก็แตกไลน์จากนิคมฯ ไปจับมือกับบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท สมาร์ท อินฟราเนท จำกัด (SIC) เพื่อรุกธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศ โดย ALT ถือหุ้น 49% และ RATCH ถือหุ้น 51%
หลังจากการร่วมทุนครั้งนี้ สิ่งที่ ALT จะได้ก่อนเลยก็คือ การขายแอสเซท ซึ่งเป็นโครงข่ายสายใยแก้วนำแสง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงข่ายใยแก้วนำแสงตามแนวทางรถไฟและทางหลวง และโครงการท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินผ่านท่อใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บนถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน-ประดิพัทธ์ และถนนพญาไท เข้าบริษัทร่วมทุน…
จะทำให้ ALT ได้เงินมาก้อนหนึ่ง อาจบุ๊กเป็นกำไรพิเศษ ซึ่งน่าจะทำให้งบปีนี้ออกมาสวย…
ส่วนการได้บริษัทใหญ่มาเป็นพันธมิตรจะทำให้ 1) ALT อัพเลเวลขึ้นมา มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
2) ด้วย RATCH เป็นบริษัทใหญ่ มีโปรเจกต์เยอะ ถ้า ALT เกาะไปกับ RATCH ก็จะมีโอกาสให้บริการลูกค้ากลุ่มไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
3) RATCH มีฐานทุนแข็งแรง ทำให้บริษัทร่วมมีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถตอบโจทย์ธุรกิจโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมมากขึ้น
และ 4) มีโอกาสต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ ที่ไม่ใช่แค่โครงข่ายสายใยแก้วนำแสงเท่านั้น อาจมุ่งไปสู่สมาร์ตซิตี้ เพื่อรองรับสังคมดิจิทัลก็เป็นได้
การร่วมทุนครั้งนี้น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของ ALT อย่างมีนัยสำคัญ…
แต่มองอีกทีก็ไม่ต่างจาก “หนูเกาะหางราชสีห์” เลยนะเนี่ย
…อิ อิ อิ…