SGP อวดงบ Q2 พลิกกำไร 12 ลบ. แย้มครึ่งปีหลังโตต่อ ดันยอดขายพุ่ง 5% ตามเป้า

SGP อวดงบ Q2 พลิกกำไร 12 ลบ. แย้มครึ่งปีหลังโตต่อ ดันยอดขายพุ่ง 5% ตามเป้า


นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาส 2/2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 12.22 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 126.68 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจำนวน 138.90 ล้านบาท หรือร้อยละ 109.65

โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย การขนส่ง และการให้บริการรวมเป็นจำนวนเงิน 11,137.64 ล้านบาท  ลดลง 5,550.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.26 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 16,688.47 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายที่ลดลงและราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน โดยราคาเฉลี่ยโดยรวมสำหรับงวดสามเดือนของไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 305 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ลดลง 187 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 อยู่ที่ 492 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 487.42 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 433.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 54.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.48 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.10 บาท

โดยบริษัทฯกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2563 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ และตอกย้ำความเชื่อมั่นแผนการเติบโตของบริษัทฯ

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศที่ผ่อนคลายลง โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ายอดขายก๊าซ LPG ไว้ที่ 4 ล้านตันหรือเติบโตขึ้นราว 5% จากปีก่อน ตามแผนที่วางไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปริมาณขายจะลดลงจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้ความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีชะลอตัวลงไป ทั้งนี้คาดว่าความต้องการใช้ภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาจากมาตรการต่างๆที่ภาครัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนแผนการลงทุนเดิมยังคงเดินหน้าต่อไป อย่างเช่น การลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้ามากขึ้น จากเดิมที่มีขนาดกำลังผลิตที่ 230 เมกะวัตต์ ขณะที่การลงทุนสร้างคลังก๊าซ LNG บริษัทอยู่ระหว่างการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตก่อสร้างคลัง LNG ซึ่งหากได้รับใบอนุญาต คาดจะใช้เงินลงทุนราว 6,000 ล้านบาท

ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท สยาม ควอลิตี้ สตีล จำกัด หรือ SQS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนชำระแล้ว เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของบริษัท ชื่นศิริ จำกัด หรือ Linh จำนวน 178,572 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 69.69 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวม 44.64 ล้านบาท และที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่รวม 20 ไร่ 1 งาน 30 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า 465.75 ล้านบาท มูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้น 510.39 ล้านบาท

“การเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ บริษัท ชื่นศิริ จำกัด ในครั้งนี้เป็นการลงทุนในธุรกิจผลิตถังก๊าซ LPG และมีวัตถุประสงค์ในการขยายตลาดถังก๊าซ LPG ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตถังก๊าซ LPG และยังเป็นการต่อยอดให้กับธุรกิจหลักของ SGP ได้อีกด้วย” นายศุภชัย กล่าว

Back to top button