SCC เติมเต็มจุดแข็ง
ภาพจำของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของไทย...โดยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จะขายแค่สินค้าในเครือ ภายใต้ชื่อ “ร้านซีเมนต์ไทย โฮมมาร์ท” ซึ่งตลาดค่อนข้างแคบ แล้วขนาดพื้นที่ร้านค่อนข้างเล็ก ไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ครั้นจะเอาสินค้าอื่นมาขายก็ดูขัดกับชื่อซีเมนต์ไทยฯ...
สำนักข่าวรัชดา
ภาพจำของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของไทย…โดยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จะขายแค่สินค้าในเครือ ภายใต้ชื่อ “ร้านซีเมนต์ไทย โฮมมาร์ท” ซึ่งตลาดค่อนข้างแคบ แล้วขนาดพื้นที่ร้านค่อนข้างเล็ก ไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ครั้นจะเอาสินค้าอื่นมาขายก็ดูขัดกับชื่อซีเมนต์ไทยฯ…
SCC รู้จุดอ่อนตรงนี้ดี ก็พยายาม “ปิดจุดอ่อน…เติมจุดแข็ง” ด้วยการแสวงหาสินค้าที่อยู่ในโหมดเดียวกันมาเติมเต็ม…
เดิมพุ่งเป้าไปที่ร้านโฮมโปร (บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO) ของ “เฮียตึ๋ง”–อนันต์ อัศวโภคิน แต่ไม่รู้ไปคุยกันอีท่าไหน สุดท้ายดีลล่มไม่เป็นท่า (อ้อ…ตอนนั้นเค้าเม้าท์กันว่า เป็นเกมต่อรองราคาที่ไม่ลงตัว…จริงเท็จประการใด มิอาจรู้ได้)…
แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญเป็นจังหวะที่ร้านโกลบอลเฮ้าส์ หรือบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL เข้าตลาดฯ พอดี แล้วสินค้าของโกลบอลเฮ้าส์ก็อยู่ในไลน์ที่เหมาะกับ SCC เป็นกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง…SCC เลยตัดสินใจซื้อโกลบอลเฮ้าส์จากผู้ถือหุ้นใหญ่แทน
ทำให้สินค้าของ SCC ที่เดิมติดกับดักอยู่กับสินค้าในเครือ เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น และกระจายได้มากขึ้นด้วย
แต่ SCC มองว่าแค่นั้นยังไม่เพียงพอที่จะหนุนการเติบโต จึงไปจับมือกับ “บุญถาวร” ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอสซีจี-บุญถาวร โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อรุกธุรกิจค้าปลีกออกแบบสินค้า และบริการเกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจร ทั้งในไทยและอาเซียน
การจับมือกับ “บุญถาวร” ก็ถือว่าไม่เลว…ขาภายในประเทศ ช่วยเพิ่มในส่วนของสินค้าประเภทตกแต่งภายในและภายนอกอาคารเข้ามา เท่ากับว่าตอบโจทย์ทั้งก่อสร้างและการตกแต่ง สินค้ามีวาไรตี้มากขึ้น..!!
นอกเหนือจากนี้ ในเรื่องโลจิสติกส์ (SCG Express) จะตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น ในแต่ละเที่ยวของการขนส่ง เพราะมีจำนวนสาขาที่มากขึ้น
ส่วนขาต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ SCC ไปซื้อหุ้น PT Catur Sentosa Adiprana Tbk (CSA) ซึ่งทำธุรกิจร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตกแต่งในอินโดนีเซีย มี 2 แบรนด์หลัก คือ MITRA10 เป็นร้านค้าปลีกอุปกรณ์ซ่อมแซมและวัสดุก่อสร้าง ลักษณะเดียวกับ GLOBAL และ ATRIA เป็นร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ลักษณะเดียวกับ HMPRO ก็ต้องสร้างความหลากหลายของสินค้าเช่นกัน
SCC อาจสร้างโปรดักส์จากในประเทศ เพื่อสร้างความหลากของโปรดักส์ในต่างประเทศ โดยใช้พันธมิตรในประเทศเป็นตัวนำ
ส่วนมุมของ “บุญถาวร” ซึ่งที่ผ่านมาเน้นตลาดพรีเมียม คนรู้จักเฉพาะกลุ่ม ถ้าจะขยายสาขาเองก็คงไม่ง่าย ก็หันมาพึ่งพิง SCC ด้วยการเอาสินค้าไปวางขายในเครือ เช่น ร้านโกลบอลเฮ้าส์
ที่สำคัญถ้าจะไปต่างประเทศ อาจยังไม่มีดิสตริบิวชันรองรับ แต่ SCC มีร้านในเครือ MITRA10 และ ATRIA ที่อินโดฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากกว่า 200 ล้านคน ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ “บุญถาวร” ในเวลานี้…
จึงเป็นอีกดีลที่ win-win กันทั้ง 2 ฝ่าย…
ส่วนที่เห็นราคาหุ้น SCC วิ่งร้อนแรงวานนี้ โดยปรับเพิ่มขึ้น 3.21% ปิดตลาดที่ 354 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,286 ล้านบาท รับข่าวมูลค่าเพิ่มที่จะได้หลังเตรียมหย่านมลูกส่งบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เข้าตลาดฯ โดยผู้ถือหุ้นเดิม SCC จะได้รับการจัดสรรในสัดส่วน 7.0950 หุ้น SCC ต่อ 1 หุ้น SCGP
ที่สำคัญคาดว่า หลังจาก SCGP เข้าตลาด 6 เดือน มีโอกาสเข้า SET50 นั่นเอง
ส่วนในแง่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง…
เท่ากับว่า ปีนี้นักลงทุนคงต้องทนเห็นผลประกอบการ SCC ที่แคระแกร็นต่อไปอีก
ก็ต้องทำใจอะนะ…
…อิ อิ อิ…