SISB แย้มตัวเลขนร.เข้าเป้าหลังเปิดเทอมปกติ มั่นใจดันผลงานปีนี้โตตามนัด

นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ผ่อนคลายลง ทำให้การเรียนการสอนกลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2563 จะเป็นช่วงการรับรู้รายได้จากการเปิดปีการศึกษาใหม่เต็มทั้งไตรมาส ซึ่งประเมินว่า จำนวนนักเรียนน่าจะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยสิ้นปี 2562 ที่มีจำนวนนักเรียน 2,611 คน

“ปัจจุบันสถานการณ์การเรียนการสอนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ส่วนการดำเนินธุรกิจจะยังคงเน้นการบริหารงานโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีนโยบายที่จะลดจำนวนพนักงาน เนื่องจากมองว่าบุคลากรเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยผลักดันองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายยิว ฮอค โคว กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  กล่าวต่อถึงความคืบหน้าของการขยาย “โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี” ขณะนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมี Utilization Rate มากกว่า 82%  ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงต่อเนื่องกับโรงเรียนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เบื้องต้นคาดว่า พื้นที่ดังกล่าวสามารถรองรับนักเรียนเพิ่มอีก 600 คน และจะสามารถเปิดดำเนินการส่วนดังกล่าวได้ในช่วงปลาย ปี 2564 ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถรองรับนักเรียนได้มากกว่า 4,500 คน

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 4.26 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.20 ล้านบาท ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 63.12 ล้านบาท และมีรายได้รวมเท่ากับ 514.29 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2/2563บริษัทฯ มีบันทึกรายการพิเศษจำนวนรวม 24.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง 15.25 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการปิดโรงเรียนสาขาเอกมัย จำนวน 9.74 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ ได้ยุบรวมโรงเรียนสาขาเอกมัยเข้ากับโรงเรียนสาขาประชาอุทิศ หากไม่นับรวมรายการพิเศษ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ (ก่อนรายการพิเศษ) ในงวดไตรมาสที่ 2/2563 และ งวด 6 เดือนแรกของ ปี 2563 เท่ากับ 29.25 ล้านบาท และ 88.11 ล้านบาท ตามลำดับ