SCGP ขวัญใจกองทุน
หุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่จ่อเข้าเทรดในเดือน ต.ค.นี้ น่าจะเป็นเมกะไอพีโอส่งท้ายปี 2563 หลังจากช่วงต้นปีมีหุ้นใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้าเทรด ตามด้วยบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ที่เข้าเทรดช่วงกลางปี นอกนั้นก็จะเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก...
สำนักข่าวรัชดา
หุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่จ่อเข้าเทรดในเดือน ต.ค.นี้ น่าจะเป็นเมกะไอพีโอส่งท้ายปี 2563 หลังจากช่วงต้นปีมีหุ้นใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้าเทรด ตามด้วยบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ที่เข้าเทรดช่วงกลางปี นอกนั้นก็จะเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก…
SCGP ด้วยชื่อชั้นความเป็นลูกบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC บวกกับเทรนด์แพ็กเกจจิ้งมาแรง เห็นได้จากผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาเติบโตทั้งรายได้และกำไร…โดยในปี 2562 มีรายได้ 89,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,890 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้ 45,900 ล้านบาท เติบโต 10.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4,200 ล้านบาท เติบโต 45.6% จากงวดปีก่อน
เรียกว่าเป็นธุรกิจที่กำลังขึ้นหม้อของ SCC เลยทีเดียว
SCGP จึงกลายเป็นที่หมายปองของนักลงทุนทั้งสถาบัน รายใหญ่ และรายย่อย อยากมีไว้ติดพอร์ต…
ล่าสุดเห็นกองทุนสนใจเพียบ มีถึง 14 บลจ. ด้วยกัน ที่เข้าคิวจองสิทธิซื้อหุ้นไอพีโอ SCGP รวม 600 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 21,000 ล้านบาท ถ้าเทียบกับจำนวนหุ้นไอพีโอทั้งหมด ก็เกินครึ่งไปแล้ว
ไล่มาตั้งแต่ บลจ.กสิกรไทย, บลจ.บัวหลวง และบลจ.ไทยพาณิชย์ แค่ 3 บลจ.นี้รวมกันก็ 351 ล้านหุ้น มูลค่า 12,285 ล้านบาท เข้าไปแล้ว
ยังมีบลจ.เอ็มเอฟซี ได้รับการจัดสรรหุ้น 63 ล้านหุ้น มูลค่า 2,205 ล้านบาท, บลจ.ทิสโก้ ได้รับการจัดสรรหุ้น 42 ล้านหุ้น มูลค่า 1,470 ล้านบาท, บลจ.กรุงไทย ได้รับการจัดสรรหุ้น 37 ล้านหุ้น มูลค่า 1,295 ล้านบาท
ด้านบลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้รับการจัดสรรหุ้น 26 ล้านหุ้น มูลค่า 910 ล้านบาท, บลจ.ธนชาต ที่ได้รับการจัดสรรหุ้น 25 ล้านหุ้น มูลค่า 875 ล้านบาท, บมจ.ไทยประกันชีวิต ได้รับการจัดสรรหุ้น 13 ล้านหุ้น มูลค่า 455 ล้านบาท, บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) ได้รับการจัดสรรหุ้น 11 ล้านหุ้น มูลค่า 385 ล้านบาท
ฟากบมจ.เมืองไทยประกันชีวิต, บลจ.พรินซิเพิล, บลจ.ภัทร และบลจ.วรรณ ได้รับการจัดสรรหุ้นเท่า ๆ กันบลจ.ละ 8 ล้านหุ้น มูลค่า 280 ล้านบาท
ขึ้นแท่นกลายเป็นหุ้นขวัญใจกองทุนไปแล้วนะเนี่ย…
เบื้องต้น SCGP กำหนดกรอบราคาเสนอขายไว้ที่ 33.50-35 บาท โดยผู้ถือหุ้นสามัญของ SCGP, ผู้ถือหุ้นเดิม SCC และผู้มีอุปการคุณของ SCGP จองซื้อได้ในวันที่ 28 ก.ย.-2 ต.ค. 2563 ส่วนรายย่อยสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 1, 2 และ 5 ต.ค. 2563
ขณะที่การระดมทุนครั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักรองรับทั้งการเติบโตแบบออร์แกนิก และอินออร์แกนิก ส่วนเงินราว 10,000-13,000 ล้านบาท จะนำไปใช้หนี้ เพื่อกดให้ D/E ลดต่ำกว่า 0.9% และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
ทว่าจากปรากฏการณ์กองทุนสนใจซื้อหุ้นไอพีโอ SCGP ทำให้ช่วงก่อนชำระค่าหุ้นก็จะมีแรงกระเพื่อมในหุ้นบลูชิพหลาย ๆ ตัว อาจได้เห็นแรงเทขายหุ้นบลูชิพออกมา โดยเฉพาะใน SET50 เพื่อเอาเงินไปซื้อ SCGP
และด้วย SCGP เป็นหุ้นขนาดใหญ่ คาดมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ก็อาจเข้า SET50 ทันที ด้วยเกณฑ์ Fasttrack (มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงสุดติด 20 อันดับแรกใน SET50)…จึงเป็นไฟต์บังคับให้กองทุนต้องมีไว้ติดพอร์ต…
ทำให้ไม่มีทางเลือก ต้องขายหุ้นที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อไปซื้อ SCGP…จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนี้อาจเห็นสถาบันขายสุทธิ
เคสลักษณะนี้เคยเกิดมาแล้วจากกรณีบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC และ CRC ซึ่งก่อนหน้าที่หุ้นทั้งสองตัวจะเข้าเทรด…หุ้นบลูชิพก็ถูกเทขายออกมาเพื่อเอาเงินไปชำระค่าหุ้นเช่นกัน
ส่วนคนที่ไม่ได้หุ้นไอพีโอ ก็ต้องไปวัดดวงต.ค.นี้ แต่ดวงจะเฮงหรือจะจู๋อีกเรื่องหนึ่งนะ…
…อิ อิ อิ…