TIGER มั่นใจรายได้ปี 63 โตแตะพันล้าน ปรับกลยุทธ์เน้นงานภาครัฐ
TIGER มั่นใจรายได้ปี 63 โตแตะพันล้าน ปรับกลยุทธ์เน้นงานภาครัฐ
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ในปี 63 จะเติบโตเล็กน้อยขึ้นมาแตะ 1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 992 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มของรายได้จะเข้ามามากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่เริ่มทยอยส่งมอบงานโครงการต่างๆที่แล้วเสร็จให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) เข้ามา 500 ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 1.7 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 และภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างชะลอการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ปริมาณงานใหม่ของภาคเอกชนในปีนี้ออกมาค่อนข้างน้อย ซึ่งปกติจะมีงานใหม่ออกมาในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นจำนวนมาก แต่ปีนี้งานใหม่ๆชะลอตัวลงอย่างชัดเจนตามภาวะตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้างในปีนี้หดตัวลง 7%
ดังนั้น บริษัทจึงปรับกลยุทธ์หันมารับงานภาครัฐมากขึ้น ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณูปโภคที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเป็นการกระจายรายได้ในภาวะที่ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน โดยที่สัดส่วนงานของบริษัทในปัจจุบันเป็นงานภาครัฐค่อนข้างมากถึง 80% และงานภาคเอกชน 20% ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะยังคงเน้นการเข้าประมูลงานของภาครัฐเป็นหลัก
โดยในช่วงครึ่งปีหลังที่บริษัทอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประมูลโครงการภาครัฐเกี่ยวข้องกับงานสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้าและประปา และงานของกระทรวงยุติธรรม มูลค่ารวมราว 1.6-1.7 พันล้านบาท และในส่วนของงานภาคเอกชนได้เข้าประมูลไปมูลค่า 300-400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ปรับเปลี่ยนการรับงานจากกลุ่มลุกค้าโรงแรมและรีสอร์ทหันมารับงานในกลุ่มโรงงานแทน และงานของกลุ่มที่อยู่อาศัยได้เปลี่ยนมารับงานทำบ้านหรูระดับราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปแทนกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่ชะลอการลงทุนในช่วงนี้ โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานมากที่สุดเพื่อเข้ามาเติม Backlog ของบริษัท
นอกจากนี้บริษัทจะเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อหาแนวทางการลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย รวมไปถึงพยายามเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้รวดเร็วขึ้น เพื่อส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้รวดเร็ว และรับงานใหม่เข้ามาทดแทนได้เร็วขึ้น เพื่อช่วยผลักดันแนวโน้มอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ของบริษัทให้เพิ่มขึ้น และสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องในปีต่อๆไป