GULF ต้นทุนก๊าขลดฮวบ! ดันกำไรปกติไตรมาส 3 โตทะลัก 33% แตะ 1.32 พันลบ.
GULF ต้นทุนก๊าขลดฮวบ! ดันกำไรปกติไตรมาส 3 โตทะลัก 33% แตะ 1.32 พันลบ.
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63 ดังนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) ในไตรมาส 3/2563 เท่ากับ 1,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 34.1% จากไตรมาสก่อนเนื่องจาก
1) เงินปันผลรับในไตรมาส 3/2563 เป็นจำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย INTUCH จำนวน 295 ล้านบาท, SPCG จำนวน 62 ล้านบาท และ EDL Gen จำนวน 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 43 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงปีเดียวกันของปีก่อน และ 81 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นเพียงเงินปันผลรับจาก SPCG เท่านั้น
2) ผลจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติลดลงในไตรมาส 3/2563 เป็น 235.22 บาท/ล้านบีทียูจาก 268.67 บาท/ล้านบีทียูในไตรมาส 3/2562 และ 261.41 บาท/ ล้านบีทียู ในไตรมาสไตรมาส 2/2563 ลดลง 14.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 10.0% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ ในขณะที่ Ft ปรับลดลงเพียงเล็กน้อย จาก (0.1160) บาท/ กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาสก่อน เป็น (0.1188) บาท/ กิโลวัตต์-ชั่วโมง คิดลดลง 2.41% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 25.9% จาก 24.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 23.1% ในไตรมาสก่อน
3) ส่วนแบ่งกำไรจำกกลุ่ม GJP ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ปรับเพิ่มขึ้น 30.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 14.8% จากไตรมาสก่อน นอกจากอัตรากำไร ขั้นต้นจากการขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว กลุ่ม 7 SPPs มีปริมาณการจากจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าไอน้ำและน้ำเย็น แก่กลุ่มลูกค้ำอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลาย
4) ผลประกอบการของ SPPs ภายใต้ GMP ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้ำอุตสาหกรรมทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ในขณะที่กำไรลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุง (BInspection) ของโรงไฟฟ้า GTS2 ประกอบกับ ผลประกอบการที่ดีขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการในประเทศเวียดนาม และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล GCG