BTS ยันพื้นฐานยังแกร่ง! หลังเข้าดัชนียั่งยืน “DJSI” ปีที่ 3 เมิน “โควิด-19” กดกำไร Q2

BTS ยันพื้นฐานยังแกร่ง! หลังเข้าดัชนียั่งยืน "DJSI" ปีที่ 3 เมิน "โควิด-19" กดกำไร Q2


บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 BTS ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) 2020 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งนับเป็นบริษัทด้านคมนาคมขนส่งทางรางแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ นอกจากนี้ จากผลการประเมินคะแนนในปีนี้ BTS ยังได้รับการคัดเลือกเป็น “ผู้นำ” (DJSI INDUSTRY LEADER) ในหมวดอุตสาหกรรม คมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม (Transportation and Transportation Infrastructure) อีกด้วย

ทั้งนี้นำมาซึ่งความภาคภูมิใจขององค์กรและประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก สะท้อนความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทาย และการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

อนึ่ง DJSI จัดทำขึ้นด้วยความร่วมมือของ S&P Global และ SAM ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 โดยบริษัท บีทีเอส กรุ๊ปฯ ติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 2 ในกลุ่มการบริการ ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มุ่งเน้นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับทั้งด้านผลประกอบการ ตลอดจนมีจริยธรรม รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควบคู่กับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม หรือ ESG (Environmental, Social and Governance)

อย่างไรก็ดี BTS รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2563/64 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. ดังนี้

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าว มีกำไรลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2563/64 จํานวน 8,910 ล้านบาท ลดลง 8.4% จากไตรมาสก่อนและ 17.0% จากปีก่อน โดยรายได้จากการดําเนินงานของธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ คิดเป็นสัดส่วน 89%, 8%, 1% และ 2% ตามลําดับ

ทั้งนี้ รายได้จากธุรกจิระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ ปรับตัวลดลง 6.6%, 55.8%, 55.3% และ 59.7% ตามลําดับการลดลงของรายได้จากการดําเนินงานรวมมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การลดลงของรายได้จากการดําเนินงานซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริทรัพย์ และธุรกิจบริการ และการบันทึกรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและการจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่สําหรับโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือท่ลีดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงท้ายของการก่อสร้าง อย่างไรก็ดี การลดลงของรายได้จากการดําเนินงานถูกชดเชยบางส่วนด้วยการเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง และรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบํารุงที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้

Back to top button