FLOYD ส่งซิกผลงานไตรมาส 4 โตแจ่ม รุกขยายฐานลูกค้า-คุมต้นทุน
FLOYD ส่งซิกผลงานไตรมาส 4 โตแจ่ม รุกขยายฐานลูกค้า-คุมต้นทุน
นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านการคมนาคม จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ภาคเอกชนได้รับความเชื่อมั่น ทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อ FLOYD ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาติดตั้งงานวางระบบแบบครบวงจร ที่ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องคุณภาพงาน และการบริการที่รวดเร็วด้วยทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในธุรกิจ
ส่วนแผนการเข้าประมูลงานใหม่ๆ บริษัทฯ ยังคงเน้นการรักษากลุ่มลูกค้าเก่าควบคู่กับการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้วยมาตรฐานการให้บริการงานที่มีคุณภาพตามหลักวิศวกรรม และราคาที่เหมาะสม โดยทีมผู้บริหารพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ชูจุดเด่นการเป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า, ระบบสาธารณูปโภค, ระบบเครื่องกล และระบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและพันธมิตรมาอย่างยาวนาน
อีกทั้ง บริษัทฯ มีเงินสดและสภาพคล่องที่ดี มีโอกาสและศักยภาพพร้อมรับการขยายงานก่อสร้างในโครงการและสาขาใหม่ที่คาดว่าจะทยอยออกมามากขึ้น อีกทั้งมองว่าหลายธุรกิจจะเริ่มกลับมาทยอยการลงทุน สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์ฝึกอบรมที่วางไว้ โดยในขณะนี้แล้วเสร็จพร้อมใช้งาน เตรียมพร้อมรับโอกาสที่จะมาในอนาคต เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเน้นย้ำและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายทศพร กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 3/63 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 77.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.92 ล้านบาท หรือ 28.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 60.24 ล้านบาท โดยรายได้จากการให้บริการของบริษัทมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการงานแนวราบ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจโลกน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการที่ชะลอเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกเริ่มกลับมาเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 3/63 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 259.64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.66 ล้านบาท
“ผลงานที่ออกมาถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัวจากสถานการณ์แพร่บาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทฯ คงมีกำไรจากการดำเนินงาน และพร้อมขยายการเติบโต ลุยรับงานเพิ่มเติมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ การลงทุนของภาครัฐ” นายทศพร กล่าว