AGE ส่งซิก “ออเดอร์” ใหญ่รอส่งมอบ 1 ล้านตัน มั่นใจดันยอดขายถ่านหินทะลุเป้า 3.5 ล้านตัน
AGE ส่งซิก “ออเดอร์” ใหญ่รอส่งมอบ 1 ล้านตัน มั่นใจดันยอดขายถ่านหินทะลุเป้า3.5 ล้านตัน
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นั้น มีทิศทางการฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น จากความต้องการใช้ถ่านหิน ในภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่การฟื้นตัวขึ้นจากการกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างปกติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และการดำเนินการการให้บริการ โลจิสติกส์ที่ครบวงจร ส่งผลให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ดังนั้นบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในส่วนของธุรกิจถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่อเนื่องซึ่งมั่นใจว่า ปีนี้จะทำยอดขายถ่านหินได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 3.5 ล้านตัน โดยในงวด 9 เดือนแรก บริษัทฯมียอดขายถ่านหินรวมแล้ว 2.98 ล้านตัน และยังมียอดคำสั่งซื้อถ่านหินในมือ (Backlog) จำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งจะทยอยส่งมอบภายในไตรมาสนี้จนถึงปี 2564
ส่วนการให้บริการในธุรกิจโลจิสติกส์นั้น บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายท่าเรือที่ 4 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปี 2564 และในปีหน้า จะมีจำนวนรถ และเรือลำเลียงเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีการให้บริการด้าน โลจิสติกส์ที่ครบวงจร
ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวเพิ่มอีกว่า บริษัทฯ มีการศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในโครงการขายไอน้ำ และโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะลงทุนในปี 2564 ผ่านการลงทุนในบริษัทร่วมทุน ภายใต้บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด จากปัจจุบันโครงการการลงทุนต่างๆ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 และโครงการการขายไอน้ำ ให้กับลูกค้าขนาดเตา Boiler 16 ตันจะรับรู้รายได้ในปี 2564
“สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 5,487.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 5,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 143.3 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขายถ่านหินทั้งสิ้นที่ระดับ 2.98 ล้านตัน”