ETC ย้ายเทรด SET วันนี้ ดันสภาพคล่อง-ลดข้อจำกัดกองทุนนอก-ในประเทศเข้าลงทุน

ETC ย้ายเทรด SET วันนี้ ดันสภาพคล่อง-ลดข้อจำกัดกองทุนนอก-ในประเทศเข้าลงทุน


นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC ผู้นำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมแผนการย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียนของ ETC จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยย้ายจากหมวดทรัพยากร เป็นหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “ETC” ตามเดิม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563

ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์ ลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ และเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทและหุ้นของบริษัทฯมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกราย

“บริษัทฯ มีแผนการขยายกิจการในอนาคต บริษัทฯได้ศึกษาและวางแผนที่จะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ เช่นโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้

โดยบริษัทฯมีความมั่นใจ ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งมีประสบการณ์และความสามารถโดดเด่นในการก่อสร้าง บริหารและจัดการโรงไฟฟ้าขยะโดยตรง และบริษัทแม่ คือ บมจ. เบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG) ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1ด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ มีความเชี่ยวชาญ และมีปริมาณขยะอัดก้อน (RDF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญ และมีบริษัทย่อย ที่เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะและโรงไฟฟ้าชนิดอื่นๆ แบบครบวงจร (EPC) จะสามารถประมูลโรงไฟฟ้าได้หลายโครงการ และสร้างการเติบโตให้กับ ETC ได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง” นายเอกรินทร์ กล่าว

บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ETC) เป็น ผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบ คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี

โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่มเบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีโรงงานผลิตขยะอัดก้อน (RDF) ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 500,000 ตันต่อปีทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ และต้นทุนเชื้อเพลิง

ทั้งนี้ ETC มีทุนจดทะเบียน 1,120 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,240 ล้านหุ้น ด้วยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 – 2562 มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 325.24 ล้านบาท และ 362.39 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 65.35 ล้านบาท และ 56.80 ล้านบาท ในปี 2561 – 2562 ตามลำดับโดยผลประกอบการเติบโตขึ้น

เนื่องจากบริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าเต็มปีจากโรงไฟฟ้า ETC ในปี 2561 และ 2562 ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 484 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 130.5  ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรเติบโต 138% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 54  ล้านบาท นอกจากนี้ ETC คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าขยะ RH และ AVA เต็มระยะเวลาที่เหลือของปี ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งดังกล่าวมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง 6.83 บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่สูงสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น เนื่องจากภาครัฐส่งเสริมการ ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เพื่อลดปัญหาด้านปริมาณขยะของประเทศ

Back to top button