BCP ตั้งงบปี 64 ลงทุน 2.3 หมื่นลบ. ขยายธุรกิจไฟฟ้า เล็งดัน BBGI เข้าตลาดฯ ปลายปีหน้า
BCP ตั้งงบปี 64 ลงทุน 2.3 หมื่นลบ. เน้นขยายธุรกิจไฟฟ้า เล็งดัน BBGI เข้าตลาดฯ ปลายปีหน้า
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปี 64 ของกล่ม BCP คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยประเมินสถานการณ์กรณีฐาน (base case) ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
โดยงบลงทุนปีหน้า กลุ่ม BCP ยังคงให้น้ำหนักในการขยายการลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ที่ 75%, ธุรกิจน้ำมัน ได้แก่ การขยายสถานีบริการน้ำมัน ซ่อมบำรุงโรงกลั่นฯ และการปรับปรุงมาตรฐานยูโร 5 อีกประมาณ 15-16% ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI และอื่นๆอีก 9-10%
ขณะที่งบลงทุน 5 ปี (64-68) อยู่ในกรอบ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ยังคงใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ BCPG สัดส่วน 60% ธุรกิจโรงกลั่นฯ 20% ธุรกิจการตลาด 15% และอื่นๆ อีก 5%
ทั้งนี้ สาเหตุที่กลุ่ม BCP เน้นการขยายลงทุนธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากรายได้มีความเสถียร และไม่ได้รับผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งภายหลังจาก BCPG เพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาทเมื่อเร็ว ๆ นี้ BCP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสัดส่วนเพื่อเสริมฐานะทางการเงินของ BCPG ให้มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าในปี 64 จะมีกำลังการกลั่นใกล้เคียงกับปี 63 ที่ 9.5 หมื่นบาร์เรล/วัน เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.64 ขณะที่ทิศทางค่าการกลั่น(GRM) คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยคาดว่าค่าการกลั่นของตลาดสิงคโปร์ปีหน้าจะอยู่ที่ 3-4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่บริษัทฯมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายก็คาดว่าจะต่ำกว่าตลาดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกที่ผันผวนต่อเนื่องจากปี 63 เข้ามาสู่ปี 64 ทำให้ BCP ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ พร้อมปรับองค์กรเพื่อความยั่งยืนผ่านแนวคิด 3Rs ได้แก่ Refocus การเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด Restructure การปรับองค์กรเพื่อสร้างช่องทางในการเข้าถึงตลาดและลูกค้า และ Reimagine การใช้โอกาสและเครื่องมือในการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้มีการปรับโรงกลั่นเป็น niche products refinery นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด จากเดิมที่ผลิตน้ำมันประเภทต่างๆ บริษัทได้ขยายเป็นผู้ผลิต UCO (Unconverted Oil) รายเดียวในไทย และในปีนี้ได้ขยายและปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ความหลากหลายเพิ่มขึ้นอีก เช่น สารทำละลาย (solvent) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการทำละลายและเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสี ทินเนอร์ การผลิตเรซิน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสารทำละลายภายใต้ชื่อ BCP White Spirit 3040 และยังวางแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์หลากหลายในอนาคต เช่นนำน้ำมันเตาเกรดพิเศษใช้เป็นสารตั้งต้นของการผลิต wax เพื่อนำไปผลิตเทียนไข น้ำยาขัดเงา สารเคลือบภาชนะกระดาษ เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายธุรกิจผ่านนวัตกรรมพลังงานสีเขียวอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการจักรยานยนต์และสามล้อไฟฟ้า และการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ (battery swapping) โดยตั้งเป้าหมายขยาย Winnonie สตาร์ทอัพให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในกลุ่มบางจากฯ เป็น 10,000 คันในปี 2566 และได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการขยายจุดชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า EV Charger ในสถานีบริการน้ำมันบางจากไม่น้อยกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2564
ส่วนความคืบหน้าแผนเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ของ BBGI ยังเดินหน้าตามแผนเดิม คาดว่าจะเร็วสุดภายในปลายปี 64 โดยขณะนี้ BBGI ได้ขยายธุรกิจสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของประเทศด้วย bio economy ผ่านการลงทุนใน Manus Bio Inc. ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพระดับโลก