CWT ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% หนุนผลงานทั้งปีทุบสถิติ “ออลไทม์ไฮ” รับ 3 ธุรกิจหลักแกร่ง
CWT ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% หนุนผลงานทั้งปีทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮ" รับ 3 ธุรกิจหลักแกร่ง
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่าแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้โตเกิน 30% จากปีก่อน และมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์หนัง ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ซึ่งเริ่มมีออเดอร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าหลัก คาดว่ารายได้ธุรกิจหนังจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ในปีนี้
2.กลุ่มพลังงาน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 5.0 เมกะวัตต์ คาดจะทำรายได้ปีนี้ประมาณ 350 ล้านบาท
3.บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จํากัด (SKC) ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์และเรืออะลูมิเนียมรายแรกของไทย อยู่ระหว่างการพัฒนารถบัสดีเซล และรถบัส EV ซึ่งคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกและส่งมอบงานได้ภายในปลายไตรมาส 1/64 และตั้งเป้าหมายรายได้กลุ่มปีนี้อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท จากออเดอร์ผลิตเรือ EV ให้กับบริษัท บ้านปูเน็กซ์ และพันธมิตร และรถมินิบัส ที่มีออเดอร์เข้ามากว่า 200 คัน จะเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ ไตรมาส 2/2564
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสที่จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้ใน 3 ธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจหนัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เป็น Recurring Income และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็น New S-Curve ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดย “สกุลฎ์ซี” เตรียมส่งมอบรถบัสดีเซล พร้อมทั้งพัฒนารถบัส EV ซึ่งเชื่อว่าเป็นยานพาหนะสมัยใหม่แบรนด์ไทยแท้ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีในอนาคต”
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูล สัญญาซื้อขายไฟฟ้าล่วงหน้า (PPA) ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะของภาครัฐเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับสัญญาเป็นผู้ดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเทศบาลนครสวรรค์ ภายใต้บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด (GP1) พัฒนาร่วมกับ บริษัท ซีโรเวซท์ จำกัด
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเข้าพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างโรงแปลงขยะมูลฝอยชุมชนเป็นเชื้อเพลิงพลังงาน RDF และบริษัทฯจะเริ่มดำเนินการศึกษาและออกแบบโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ร่วมกับทางเทศบาลนครสวรรค์ควบคู่ไปด้วย เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงพลังงาน RDF ขนาดไม่เกิน 10.0 MW ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งหากสามารถประมูลงานเพิ่มเติมได้ คาดว่าจะโครงการแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน