KOOL ไม่เย็นอย่างที่คิด.!
ไม่เย็นอย่างที่คิดซะแล้ว..!! สำหรับหุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL หลังเปิดงบปี 2563 ออกมาพลิกขาดทุน 3 ล้านบาท ลดลง 111.37% จากปีก่อนที่มีกำไร 30 ล้านบาท
สำนักข่าวรัชดา
ไม่เย็นอย่างที่คิดซะแล้ว..!! สำหรับหุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL หลังเปิดงบปี 2563 ออกมาพลิกขาดทุน 3 ล้านบาท ลดลง 111.37% จากปีก่อนที่มีกำไร 30 ล้านบาท
แหม๊…ปีก่อนโน้น (2562) อุตส่าห์เทิร์นอะราวด์…ทำให้ผู้ถือหุ้นดีอกดีใจกันยกใหญ่ เผลอแป๊บเดียวกลับไปขาดทุนอีกแล้ว มาเร็ว…เคลมเร็วไปป๊ะเนี่ย
ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ…
ที่จริงในแง่รายได้ของ KOOL ก็โตอะนะ อยู่ที่ 733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.99% จากปีก่อนทำได้ 712 ล้านบาท แต่ถ้าเจาะดูไส้ใน แยกตามช่องทางการขาย 4 ช่องทางหลัก จะพบว่าช่องทางค้าปลีก ซึ่งประกอบด้วยการขายผ่านห้างโมเดิร์นเทรด ตัวแทนจำหน่าย ออนไลน์ และบูธขายสินค้า ลดลง 14.51% อยู่ที่ 272 ล้านบาท สาเหตุมาจากการปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงมาตรการล็อกดาวน์
ส่วนช่องทางการขายองค์กร ลดลง 19.86% อยู่ที่ 64 ล้านบาท เป็นเพราะลูกค้าองค์กรภาคเอกชนมีการชะลอการลงทุนในภาวะวิกฤตโควิด
ขณะที่ช่องทางงานบริการ ลดลง 16.21% อยู่ที่ 85 ล้านบาท
จะเห็นว่า 3 ใน 4 ของช่องทางขายที่ปรับลดลง มีแต่ช่องทางการส่งออกเท่านั้นที่ยังเติบโตดี อยู่ที่ 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.34%
โอเค…แม้ยอดส่งออกโตก็จริง แต่เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีการแข่งขันกันสูง ต้องสู้กันด้วยโปรโมชั่นและราคา จึงทำให้มาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลง 8.11% อยู่ที่ 21.93% จากเดิมอยู่ที่ 29.58%
ไม่เพียงเท่านี้ ในปี 2562 จากที่เคยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 9 ล้านบาท มาปี 2563 เหลือแค่ 380,000 บาท ส่วนรายได้อื่น ๆ ลดลงถึง 48.54% เหลือแค่ 1 ล้านบาท จากเดิมทำได้ 2 ล้านบาท
ขณะที่ขาของต้นทุนก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นถึง 18.60% อยู่ที่ 522 ล้านบาท ส่วนต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 11.89% อยู่ที่ 11.29 ล้านบาท
เมื่อรวมกับจุดอ่อนของ KOOL ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีซีซั่นส์ในการขาย อย่างหน้าร้อนจะขายดีมาก ยอดขายโตระเบิดระเบ้อ แต่ช่วงเวลาอื่น อย่างหน้าฝน หรือหน้าหนาว ตลาดจะเงียบเป็นเป่าสาก
แถมลูกค้าบางกลุ่มยังเกิดข้อกังขาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เกรงว่าหากใช้พัดลมไอเย็น หรือพัดลมไอน้ำไปนาน ๆ อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา กลายเป็นภาพจำที่บั่นทอนการเติบโตอีก
จึงทำให้ผลงานของ KOOL ไม่เย็นอย่างที่คิดไว้..!!
นี่อุตส่าห์หนีร้อนไปพึ่งเย็น…โดยก่อนหน้านี้เข้าไปลงทุนในบริษัท สาทรสินทรัพย์ จำกัด (SS) ซึ่งเป็นโฮลดิ้งที่ลงทุนในกลุ่มบริษัททำธุรกิจด้านการเงินและสินเชื่อ มูลค่า 59.4 ล้านบาท รวมทั้งซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ อุดรธานี จำกัด (CLU) ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จังหวัดอุดรธานี มูลค่า 92.25 ล้านบาท เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ
ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้กำไรของ KOOL เย็นขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน..? ต้องติดตามกันต่อไป
แหม๊…งบไม่ดี ไม่พอ ยังมาเจอผู้ถือหุ้นใหญ่ “นพชัย วีระมาน” และผู้บริหารขายหุ้นออกมาอีก ยิ่งซ้ำเติมวิกฤตศรัทธาหุ้น KOOL ให้แย่ลง…
เพราะการที่เจ้าของทยอยขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ มักถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า..?
อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ “นพชัย” เคยถือหุ้น KOOL ถึง 25.71% แต่มาวันนี้เหลือถือแค่ 18.42% เท่านั้น
เอ๊ะ..!! หรืองานนี้จะถอยแล้วหรือเปล่า..? อันนี้ก็น่าคิด…
หรือถ้าไม่จริง..!? ก็ชี้แจงแถลงไขให้หายสงสัยได้นะคะ…
ดูออกแหละว่าผู้ถือหุ้นอยากรู้…
…อิ อิ อิ…