NER-STA วิ่งคึก! รับดีมานด์ยางธรรมชาติพุ่งสูง คาดหนุนผลงานโตแกร่ง
NER-STA วิ่งคึก! รับดีมานด์ยางธรรมชาติพุ่งสูง คาดหนุนผลงานโตแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 11.32 น. ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER อยู่ที่ 5.45 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.81% สูงสุดที่ 5.50 บาท ต่ำสุดที่ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 187.34 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA อยู่ที่ 46.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 2.75% สูงสุดที่ 47 บาท ต่ำสุดที่ 45.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 557.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ จากกรณีสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) คาดการณ์ปี 2564 ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% (เทียบกับปี 2563 ปรับตัวลดลง -15%) ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกในปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางธรรมชาติกลับมาดำเนินธุรกิจกันใหม่ และต่างเดินเครื่องกันเต็มกำลังการผลิต
โดยในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วางเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 2564 ที่ 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5.12% จาก 1.42 ล้านคันในปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยางรถยนต์ทีเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจ (จีดีพี) โลกปีนี้จะขยายตัวที่ 5.49% จากที่ติดลบ 3.50% ในปีที่แล้ว และคาดว่าความต้องการใช้ถุงมือยางจะเติบโต 25% ในปี 2564 และ 20% ในปี 2565 โดยจากปัจจัยทั้งหมดข้างต้นผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยคาดจะส่งผลให้ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันจะไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัมนับจากนี้
ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที จึงมองว่า NER และ STA จะได้รับผลบวกโดยตรงจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นของราคายางธรรมชาติและสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง จะส่งผลดีต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งสองบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันราคายางแท่ง STR อิงตลาด SICOM ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 177 USD Cents/kg (+18% YTD)
โดยมองว่า NER จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มราคายางมากกว่า STA เนื่องจาก NER มีธุรกิจหลักเพียงธุรกิจเดียวการขายยางธรรมชาติจึงประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 ของ NER จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 11.0% จาก 10.8% ของปีก่อนหน้า กอปรกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,433 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 67%เมื่อเทียบจากปีก่อน)
ขณะที่ STA มีธุรกิจขายยางธรรมชาติและถุงมือยาง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคายางจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตถุงมือยาง รวมถึงในปี 2565 แนวโน้มราคาถุงมือยางอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม STA มี upside จากธุรกิจกัญชงมากกว่า NER โดย STA ได้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชงและเตรียมก่อสร้างโรงเรือนแล้ว ซึ่งคาดว่าปี 2564 จะปลูกได้ 100-200 ไร่ จำนวน 1 crop โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ NER ที่ราคาเป้าหมาย 7 บาท และ STA ที่ราคาเป้าหมาย 65 บาท