SAT กระฉูด 6% โบรกฯ ปรับประมาณกำไรปี 64 ขึ้นแตะ 876 ลบ. สะท้อนผลงาน Q1 โตเด่น
SAT กระฉูด 6% โบรกฯ ปรับประมาณกำไรปี 64 ขึ้นแตะ 876 ลบ. สะท้อนผลงาน Q1 โตเด่น ล่าสุดอยู่ที่ 21.30บาท บวก 1.30 บาท หรือ 6.50% มูลค่าซื้อขาย 193.03 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ล่าสุด ณ เวลา 16.09 น. อยู่ที่ 21.30บาท บวก 1.30 บาท หรือ 6.50% สูงสุดที่ 21.50 บาท ต่ำสุดที่ 20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 193.03 ล้านบาท
โดย บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ (20 พ.ค.) ว่า SAT มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/64 สูงถึง 321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ดีกว่าที่คาดไว้ถึง 22% เนื่องจากกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 21.1% หลังจากอุตสาหกรรมมีการเติบโตดีทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร โดยรายได้อยู่ที่ 2,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน กำไรขั้นต้น 21.1% ดีขึ้นจาก 18% ในไตรมาส 1/63 และ 20.7% ในไตรมาส 4/63
ขณะที่มองว่าผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิปที่ทำให้ทางฮอนด้ามีการประกาศปิดโรงงานไปเป็นเวลา 1 เดือนนั้นทาง SAT มองว่ากระทบไม่มากนักเนื่องจาก มีสัดส่วนรายได้ค่อนข้างน้อย (แต่ถ้าเมื่อใดที่ Mitsubishi และ Toyota เริ่มหยุดผลิตจะกระทบกับ SAT มากขึ้น) แต่ผลกระทบที่น่ากังวลมากกว่าคือปัญหาราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะในการเจรจาเพื่อต่อราคากับลูกค้ายังต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ทำให้อำจจะกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นได้ (แต่หากยอดการผลิตยังคงสูงอยู่คาดว่าจะช่วยลดผลกระทบดังกล่าวลงได้และสุดท้ายแล้วจะสามารถเจรจากับลูกค้าได้)
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งปีมองว่าด้วยภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นมามาก ทำให้ทาง SAT ประเมินยอดการผลิตทั้งปีว่ามีโอกาสที่จะอยู่ที่ระดับ 1.6-1.7 ล้านคัน จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 1.5 ล้านคัน (แต่ต้องติดตามตลาดในประเทศต้องติดตามถึงการควบคุมโควิดว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใด)
ทั้งนี้จากกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/64 ที่ออกมาสูงถึง 300 ล้านบาท ทำให้มีการปรับกำไรสุทธิทั้งปีขึ้น 22% มาอยู่ที่ 876 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/64 คาดว่าจะชะลอตัวจากไตรมาส 1/64 เป็นผลตามฤดูกาลที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/63 จะเห็นการเติบโตเพราะไม่มีการปิดเหมือนปีก่อน สำหรับคำแนะนำการลงทุนจากผลประกอบการที่ออกมาดี จึงคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะได้ใหม่ที่ 24.7 บาท