BANPU วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% รับราคาถ่านหินพุ่ง-ลุ้นกำไร Q2 โตต่อเนื่อง

BANPU วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% โดย ณ เวลา 15.25 น. อยู่ที่ระดับ 14.70 บาท บวก 0.70 บาท รับราคาถ่านหินพุ่ง-ลุ้นกำไร Q2 โตต่อเนื่อง แนะซื้อเป้า  18 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(8 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ณ เวลา 15.25 น. อยู่ที่ระดับ 14.70 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.54 พันล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนะ”ซื้อ”หุ้น BANPU เป้าสูงสุด IAA Consensus 18 บาท เก็งกำไรหุ้น BANPU จากราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 118.9 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี 10 เดือน คาดส่งผลบวกต่อผลกำไรในไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/64 จากปัจจุบันราคาตลาดของถ่านหินปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 101 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 89.8 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลดีต่อราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง BANPU ก็มีการเน้นจำหน่ายถ่านหินในราคาสปอตมากขึ้น โดยไตรมาส 1/64 ราคาถ่านหินของบริษัทขายอยู่ที่ระดับสูง 68 เหรียญสหรัฐต่อตัน  มีต้นทุนราคาถ่านหินเฉลี่ย 44 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ทั้งนี้ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยมาจากจีนซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ มีการกีดกันการนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลีย จึงผลต่อราคาถ่านหิน อีกทั้งผู้ใช้ถ่านหินรายใหญ่ในญี่ปุ่นปีนี้ไม่มีการซื้อขายระหว่างออสเตรเลีย ส่งผลให้คนต้องการใช้ถ่านหินต้องซื้อในตลาด Spot เพียงอย่างเดียว ทำให้ตลาดดังกล่าวซื้อขายคึกคักมากขึ้น รวมถึงผลของหน้าหนาวในสหรัฐฯ หนุนความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่ม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หนุนให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยภาพรวมตลาดล่วงหน้าราคาถ่านหินถึงปลายปี 64 มีราคาเกินกว่าระดับ 90 เหรียญสหรัฐต่อตันแล้ว

นอกจากนี้ราคาก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ก็น่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายถ่านหินปีนี้ไว้ที่ 43 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 38.8 ล้านตัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นทุนลดลง ซึ่งมีเป้าหมายลดต้นทุนทั้งในเหมืองถ่านหินออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยเฉลี่ยคาดจะสามารถลดต้นทุนลงได้มากกว่าปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำ Digital Transformation และการบริการต้นทุนให้ดีขึ้น

สำหรับธุรกิจ Banpu NEXT ยังมีผลขาดทุนจากการเริ่มลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นธรรมชาติของการเริ่มธุรกิจ แต่หลังจากนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น และแพลตฟอร์มจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานเป็นกำไรในระยะยาวได้ในอนาคต

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า ด้านธุรกิจติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำในนิคมหลักชัยเมืองยาง กำลังการผลิต 16 เมกกะวัตต์ ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 4/64 หรืออย่างช้าสุดไม่เกินไตรมาส 1/65

Back to top button