COLOR เทิร์นอะราวด์
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปของ COLOR คือ ปรากฏการณ์ในการกลับมาเป็นดาวเด่นของ mai หลังมีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี
–คุณค่าบริษัท–
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปของ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR คือ ปรากฏการณ์ในการกลับมาเป็นดาวเด่นของ mai หลังมีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยเริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2558 ที่ 10.19 ล้านบาท ต่อมาไตรมาส 2 ปี 2558 ที่ 13.78 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทจะมีกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาส 3 ที่ 15 ล้านบาทขยายตัว 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน พร้อมพลิกจากขาดทุน 7 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2557 พร้อมเป็นการทำสถิติใหม่
ผลักดันจากช่วง High Season ของธุรกิจ อีกทั้งต้นทุนเม็ดพลาสติกยังคงอยู่ในระดับต่ำตามราคาน้ำมันดิบ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะสูง 20% เหมือนครึ่งปีแรก 2558 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคุมได้เท่าเดิม 29 ล้านบาทต่อไตรมาส ส่วนต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายลดลง (-85%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเร่งคืนหนี้ตั้งแต่กลางปี 2557 เป็นต้นมา
ส่วนผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 229.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 212.77 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 13.78 ล้านบาท หรือ 0.0237 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3.48 ล้านบาท หรือ 0.0114 บาทต่อหุ้น ซึ่งการที่เพิ่มขึ้นของกำไรมีดังนี้
1. บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2558 รวม 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปี2557 ซึ่งมีรายได้รวม 213 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็นผลมาจากการตอบรับจากตลาดต่อนโยบายบริษัทที่พัฒนาคุณภาพสินค้าที่เหมาะสมกับการใช้งาน ในขณะที่ราคาวัตถุดิบในตลาดเริ่มขยับตัวสูงขึ้น ยอดขายของบริษัทจึง เพิ่มขึ้นจากการขยายส่วนแบ่งตลาด และยังสามารถคงผลกำไรในระดับนี้ได้ต่อเนื่องทั้งไตรมาส
2. บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต การขายและบริหารในไตรมาส 2 ปี 2558 ให้อยู่ในระดับเดิมเช่นปีก่อน เมื่อกำลังซื้อจากคู่ค้าในตลาดเพิ่มมากขึ้น บริษัทสามารถเดินสายการผลิตได้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนผลิตสินค้าโดยรวมลดลง เกิดรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นอีก
3. ค่าใช้จ่ายด้านการเงินของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2558 จำนวน 2.7 ล้านบาท ลดลง 4.3 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 7.0 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลงลดลงร้อยละ 61 เป็นผลจากการนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน (386 ล้านบาท) มาชำระหนี้เงินกู้เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2557 ที่ผ่านมานี้
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 444.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 424.10 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 23.97 ล้านบาท หรือ 0.0412 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 0.91 ล้าบาท หรือ 0.0037 บาทต่อหุ้น แสดงถึงความมั่นคงของตัวบริษัทมากขึ้น
สิ่งสำคัญ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อนำมาเป็นหนึ่งในตัวแปรตัดสินใจการลงทุนก็พบว่า ฐานะทางการเงินยังดูดี เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 376.14 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินหมุนเวียน 300.39 ล้านบาท และเมื่อนำมาเปรียบเทียบค่า CURRENT RATIO ได้ที่ระดับ 1.26 เท่าแสดงว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังคล่องตัวดีอยู่
ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีหนี้สินรวมอยู่ที่ 401.76 ล้านบาท เมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 697.87 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.58 เท่า ในส่วนนี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ปัญหาหนี้สินไม่ได้มารบกวนการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด
ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่า การพลิกฟื้นมีกำไรเริ่มแสดงได้อย่างมั่นคง และเชื่อว่า COLOR จะกลับมาเป็นเป้าหมายของนักลงทุนอีกครั้ง แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 2 บาท
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.บริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด 123,230,167 หุ้น 21.19%
2.บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) 47,659,633 หุ้น 8.19%
3.นายศศิศ มนต์เสรีนุสรณ์ 32,700,000 หุ้น 5.62%
4.น.ส.กันย์วดี จิวะพรทิพย์ 30,845,982 หุ้น 5.30%
5.นายชูศักดิ์ เตชะสันติสุข 18,000,000 หุ้น 3.09%
รายชื่อกรรมการ
1.พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ ประธานกรรมการ
2.นายสุชาติ จิวะพรทิพย์ รองประธานกรรมการ
3.นายชาญชัย อัศวกาญจน์ กรรมการ
4.นายธเนศพล มงคลรัตน์ กรรมการ
5.นายขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์ กรรมการ