BCP ตั้งบ.ย่อยร่วมลงทุนโซลาร์เซลล์ในญี่ปุ่น กำลังผลิต 60 MW
BCP ร่วมลงทุนโครงการโซลาร์เซลล์ในญี่ปุ่นจัดตั้งบ.ย่อย “กรีนเนอร์ยี แคปปิตอล” ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ลบ. โดยมีกำลังผลิต 60 MW พร้อมตั้งบ.ร่วมทุนในไทย เพื่อบริการด้านการบริหารจัดการโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 แสนบาท
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 29 มี.ค. 2558 มีมติให้เข้าร่วมทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น และจัดตั้งบริษัทกรีนเนอร์ยี แคปปิตอล จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000,000 บาท ซึ่งบริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทถือหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้บริษัท กรีนเนอร์ยี แคปปิตอล จำกัด ซึ่งบริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี จำกัด ถือหุ้นทั้งหมดและจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย เพื่อลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตรวมประมาณ 60 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สัดส่วนร้อยละ 70:30 โดยมีวงเงินลงทุนของบริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี จำกัด ไม่เกิน 2,200 ล้านเยน (ประมาณ 600 ล้านบาท) และเงื่อนไขบังคับก่อนการชำระเงินลงทุน
อีกทั้งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างบริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (บุรีรัมย์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี จำกัด กับบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด สัดส่วนร้อยละ 70:30 โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 100,000 บาท
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทได้ยกเลิกวาระการเพิ่มทุนจดทะเบียนที่เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เนื่องจากได้รับการประสานงานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจึงได้หารือว่าควรเสนอควาระเกี่ยวกับการเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในวาระที่ 9,10 และ 11 หลังจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนก.พ. ที่ประชุมคณะกรรมการ BCP ได้อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนโดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้จำหน่ายออก
อีกทั้งให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.69 พันล้านบาท จาก 1.38 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 315.38 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยจะจัดสรรไม่เกิน 275.38 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับประชาชน 137.69 ล้านหุ้น และจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด 137.69 ล้านหุ้น ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออีก 40 ล้านหุ้น จะใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) สำหรับพนักงาน