“เอทีพี 30” จ่อขายหุ้นเพิ่มทุน 160 ล้านหุ้นแต่งตัวพร้อมเข้า mai

"เอทีพี 30" หรือ ATP30 จะขายหุ้นเพิ่มทุน 160 ล้านหุ้นใช้ขยายกำลังการเดินรถ-คืนเงินกู้ เตรียมเข้าตลาด mai โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 7 เม.ย.58 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 160 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนขยายกำลังการเดินรถ จำนวน 50 ล้านบาทในปี 59 รวมทั้งพัฒนาศูนย์อบรมและหลักสูตรนักขับ จำนวน 2 ล้านบาท, พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการบริหารการเดินรถ จำนวน 1 ล้านบาท, ปรับปรุงศูนย์ซ่อมบำรุงพื้นที่ชลบุรี จำนวน 4 ล้านบาท, ชำระคืนเงินกู้ จำนวน 35 ล้านบาท ส่วนที่เหลือในเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 58

อนึ่ง บมจ.เอทีพี 30 ให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทางเพื่อขนส่งพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ระหว่างแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตจากกรมขนส่งทางบก

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีรูปแบบรถโดยสารที่ให้บริการ 2 รูปแบบ ได้แก่ รถโดยสารของบริษัท ในปี 57 มีจำนวนรถโดยสาร 120 คคัน เป็นรถบัส 110 คัน มินิบัส 2 คัน และรถตู้โดยสาร 6 คัน ขณะที่ รถโดยสารร่วมบริการ มีพันธมิตรกว่า 80 ราย โดย ณ 31 ธ.ค.57 บริษัทมีรถโดยสารร่วมบริการจำนยวน 93 คัน เป็นรถบัส 12 คัน และรถตู้ 81 คัน

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทงวดปี 57 มีสินทรัพย์รวม 345.31 ล้านบาท หนี้สินรวม 269.23 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 76.08 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการบริการ 234.31 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.86 ล้านบาท

ณ วันที่ 25 มี.ค.58 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 70 ล้านบาท  หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค.58 ประกอบด้วย กลุ่มนายปิยะ เตชากูล ถือหุ้น 98 ล้านหุ้น(35%) หลัง IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 22.27%, กลุ่มพานิชชีวะ ถือหุ้น 84 ล้านหุ้น(30%)หลัง IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 19.09% และ กลุ่มกรมดิษฐ์ ถือหุ้น 67.20 ล้านหุ้น(24%)หลัง IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 15.27%,

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักภาษีและสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด

Back to top button