พาราสาวะถีอรชุน

เริ่มแล้ววันนี้การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจำนวน 315 มาตราของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. โดยที่จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 7 วันในการชำแหละ (หรือเปล่า) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดอกเตอร์ปื๊ด ซึ่งแนวโน้มคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า คงไม่มีอะไรในกอไผ่ ในเมื่อสปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีแหล่งกำหนดจากปลายกระบอกปืนคสช.จะขัดแย้งกันไปเพื่ออะไร


เริ่มแล้ววันนี้การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจำนวน 315 มาตราของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. โดยที่จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 7 วันในการชำแหละ (หรือเปล่า) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดอกเตอร์ปื๊ด ซึ่งแนวโน้มคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า คงไม่มีอะไรในกอไผ่ ในเมื่อสปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีแหล่งกำหนดจากปลายกระบอกปืนคสช.จะขัดแย้งกันไปเพื่ออะไร

เหมือนอย่างที่ วันชัย สอนศิริ ช่วยตอกย้ำ คณะกรรมาธิการยกร่างฯมาจากสปช. และสปช.ก็เป็นพวกเดียวกับคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ทำงานร่วมกันอยู่ตลอด เป็นเนื้อเดียวกันทุกขั้นตอน ไม่มีเหตุใดให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่าน ดังนั้น ที่ สิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว.อุทัยธานีบอกว่า แค่เกมปาหี่ ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ในมุมของสิงห์ชัยเห็นว่า ทุกอย่างผ่านการคุยกันมาหมดแล้วและมีธงไว้ล่วงหน้า ดังนั้น การอภิปรายจึงเป็นงานที่ทำไปตามปฏิทิน โดยมีเจตนาอยู่สองอย่างคือ ทำให้ประชาชนคนในประเทศเห็นและให้ต่างชาติรับรู้ กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่การมัดมือชก หากแต่เปิดรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายและเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง

แต่เมื่อมีการยืนยันมาจากปากของสมาชิกสปช.อย่างวันชัยที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสายตรงของฝ่ายไม่เอาระบอบทักษิณ ท่าทีของ สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช.ที่บอกว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันเพราะจะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอและทำให้เกิดการต่อรองในรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไม่เข้มแข็ง

การแสดงความเห็นในลักษณะนี้ก็เป็นการย้อนแย้งต่อท่าทีของตัวเองก่อนหน้า เพราะสมบัติในฐานะแกนนำคนสำคัญของม็อบกปปส. ต่อต้านปมเรื่องเผด็จการรัฐสภาและการมีรัฐบาลพรรคเดียวอย่างแข็งขัน แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า การแสดงความเห็นคัดค้านต่อกระบวนการเลือกตั้งส.ส.นั้น เพราะเจ้าตัวเองก็มีวาระจัดตั้งว่าด้วยการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง

คงจะขายฝันได้ลำบาก เนื่องจากการออกแบบรัฐธรรมนูญที่เน้นย้ำเรื่องพลเมืองและองค์กรใหม่รวมไปถึงที่มาส.ว.ที่พิลึกกึกกือ เหล่านี้คือ ปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากส.ส.หรือผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ไม่ต้องสนใจและใส่ใจว่า จะไม่เป็นการยึดโยงกับประชาชน เพราะคนที่มีอำนาจซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่เคยมองเห็นหัวประชาชนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ความพิลึกพิลั่นดังว่า เป็นเหตุให้อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อย่าง ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตก เพราะคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ไม่มีการแจกร่างรัฐธรรมนูญให้สื่อเพื่อนำไปเผยแพร่สร้างความเข้าใจกับประชาชน แต่กลับจะมีการเชื้อเชิญต่างประเทศให้มาร่วมแสดงความคิดเห็นในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ไม่มีที่ใดในโลกเขาทำกัน ปิดบังสื่อและปิดกั้นประชาชนของตัวเอง แต่ให้ต่างชาติมาร่วมแสดงทัศนะ จึงเป็นที่มาของคำถามว่า จะทำเพื่อสร้างภาพอะไร แต่ในทางกลับกันยังมีบางพวกแอบมองโลกในแง่ดีว่า จากท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกกล่าวในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย ร่างรัฐธรรมนูญต้องให้คนในชาติรับได้และเป็นไปตามหลักสากลเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ

อาจจะเป็นเหตุให้ “แป๊ะ” ตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะไม่เห็นด้วยในบางประเด็นในร่างของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ แล้วสั่งให้แก้ไข รื้อกันใหม่ เพราะหากปล่อยไปโดยที่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง โอกาสที่จะ “เสียของ” มีความเป็นไปได้สูงเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นมาตรา 44 น่าจะถูกงัดออกมาใช้เพื่อการนี้เป็นด้านหลัก

ส่วนเรื่องที่บิ๊กตู่ใช้มาตรา 44 ในการย้าย สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการนั้น มีการตั้งข้อสังเกตมาจาก วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เพราะความจริงการย้ายข้าราชการระดับสูงใช้แค่มติครม.ก็ดำเนินการได้แล้ว

แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เหตุที่ไม่ใช้ช่องทางนั้น เป็นเพราะเกรงว่าคนที่ถูกย้ายจะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะมีผลเหมือนคราว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี จนเป็นเหตุให้หลุดจากตำแหน่ง พร้อมรัฐมนตรีที่ร่วมลงมติก็โดนหางเลขไปด้วย ซึ่งโดยความเป็นจริง ครม.ชุดปัจจุบันแม้จะถูกร้องก็คงไม่เป็นผล เพราะคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลสามารถใช้อำนาจขององค์รัฏฐาธิปัตย์ที่มีเหนืออำนาจฝ่ายตุลาการได้

อีกมุมก็มีคนยกมือหนุนบิ๊กตู่ต่อการดำเนินการดังกล่าว ด้วยเหตุที่ว่าการย้ายแบบสายฟ้าแลบเช่นนี้ คงไม่ใช่เป็นการลุแก่อำนาจอย่างแน่นอน หากแต่น่าจะมีเป้าประสงค์อื่น ซึ่งก็แพลมกันออกมาบ้างแล้วว่า น่าจะเป็นเรื่องของการเปิดทางต่อการสอบสวนการทุจริตภายในกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งส่วนหนึ่งมีชื่อปรากฏใน 100 รายชื่อที่ป.ป.ท.ได้ส่งถึงมือนายกฯ ไปก่อนหน้านั้น

ช่วยยืนยันมาจาก ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.ว่า การใช้อำนาจของบิ๊กตู่ คงจะมาจากสาเหตุตรวจสอบการทุจริต พร้อมสำทับด้วยว่ารายชื่อที่มีการส่งถึงนายกฯ นั้น ผลการตรวจสอบของป.ป.ช.พบการกระทำผิดอย่างชัดเจน เป็นอันว่าน่าจะมีโอกาสดิ้นหลุดได้ยากสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหา ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างคงต้องไปจบในชั้นของศาลสถิตยุติธรรม

ขณะที่รายนี้ดิ้นไม่หลุด ทั้งๆ ที่สามารถรักษาตัวรอดจากรัฐบาลอภิสิทธิ์มาถึงยุคยิ่งลักษณ์ แต่ในสมัยของรัฐบาลคสช. ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตผู้ยิ่งใหญ่แห่งดีเอสไอนอกจากจะถูกแขวนแล้ว ล่าสุด ยังถูกป.ป.ช.อายัดทรัพย์ชั่วคราวทั้งของตัวเองและภรรยามูลค่ากว่า 40 ล้านบาท จากเหตุที่สงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งๆ ที่เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายทหารหลายคนในช่วงปราบม็อบแดง

แต่พอมาแสดงบทบาทอย่างโดดเด่นในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยข้าราชการฝักใฝ่ระบอบทักษิณ เป็นอันว่าคนที่ถูกมองว่าทำตัวเหมือนหลิวลู่ลม หนนี้ไม่สามารถที่ไหลตามน้ำได้ ข้อกล่าวหาต่างๆ ในฐานะที่ทำงานด้านกฎหมายมาตลอดคงต้องไปหาช่องแก้ต่างแก้ตัว ส่วนอนาคตในหน้าที่การงาน ดูแนวโน้มแล้วมีแค่สองทางถ้าไม่ลาออกก็อยู่ไปอย่างนี้จนกว่าจะเกษียณหรืออาจถูกดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด มิอาจคาดเดาได้

Back to top button