วิตกสต็อกสหรัฐพุ่งฉุดน้ำมันดิบปิดวานนี้ปรับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 80 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 80 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 56.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 62.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 489 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 80 ปี จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 738,000 บาร์เรล สู่ระดับ 62.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2004 และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 395,000 บาร์เรล สู่ระดับ 129.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นหลังจากมีข่าวว่า ซาอุดิอาระเบียได้กลับมาใช้ปฏิบัติการทางอากาศรอบใหม่ เพื่อโจมตีกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนเมื่อวานนี ทั้งนี้ เยเมนเป็นประเทศที่มีพรมแดนติกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในเยเมนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว