KTAMมั่นใจตลาดหุ้นนอร์ทเอเชียพุ่งต่อเปิดขายทริกเกอร์ฟันด์ตั้งเป้า6เดือน5%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KTNA5 ) ที่ใช้ระยะเวลาในการบริหารกองทุนประมาณ 2 เดือน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5% ให้กับผู้ลงทุน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KTNA5 ) ที่ใช้ระยะเวลาในการบริหารกองทุนประมาณ 2 เดือน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5% ให้กับผู้ลงทุน
ในโอกาสนี้ จึงเห็นว่า ยังเป็นช่วงจังหวะที่ดี สำหรับการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ 2 (KTNA5-2) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีหุ้นของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนจะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนอีทีเอฟ ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โดยกองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือกองทุนอาจพิจารณาลงทุนใน ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารทางการเงิน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด
ทั้งนี้ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.7000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป หลังจากนั้น บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท
ในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ ตั้งแต่เริ่มเปิดทำการจนถึงเวลา 12.00 น.และหากในวันใดวันหนึ่งราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.7000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์
ทั้งนี้ ในการบริหารกองทุน ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเทศได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยบริษัทจะวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจโลก แนวโน้มการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เช่น นโยบายอัตราดอกเบี้ย การอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งมีผลต่อการเคลื่อนย้ายการลงทุน เป็นต้น
พร้อมทั้ง ยังมีการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มผลประกอบการโดยภาพรวมเพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของตลาด เพื่อคัดสรรการลงทุนในตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและมีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยทีมวิจัยของบลจ.จะคอยติดตาม และประเมินสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การประเมินการตัดสินใจการลงทุนเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทันต่อการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 13 ( KTFFE13 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 อายุโครงการ6 เดือน เน้นลงทุนใน ตราสารหนี้ต่างประเทศ ประมาณ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝากประจำ Bank of China , เงินฝากประจำ Turkiye garanti Bankasi AS , เงินฝากประจำ Akbank T.A.S , MTN ออกโดย Banco ABC ( Brasil ) , และMTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี