Daily view (PM) – บล.กสิกรไทย
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้
เคาะกลยุทธ์ลงทุนบ่าย
สรุปภาวะตลาดเช้า
– SET Index พยายามปรับขึ้นเหนือ 1,530 จุด แต่ไม่ผ่านและถอยลงมาปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,519.35 จุด -7.39 จุด (-0.48%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นมาที่ 21,315.11 ลบ.
– Most Positive Impact: PTT (+1.83 จุด)/ PTTEP (+0.85 จุด)/ BH (+0.66จุด)
– Most Negative Impact: KBANK (-2.30 จุด)/ TRUE (-1.31 จุด)/ BBL (-1.02 จุด)
จุดสังเกต: การปรับถอยของตลาดหุ้นในช่วงเช้ามาจากแรงขายหุ้นใหญ่ในกลุ่ม Bank อาทิ KBANK BBL BAY และ KTB แม้ราคาหุ้นในกลุ่ม Bank ยังมีโอกาสร่วงลงต่อแต่จะเพิ่มความน่าสนใจสำหรับการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะยาว
แนวโน้มตลาดบ่าย
– แกว่งผันผวน – ตลาดหุ้นในช่วงบ่ายยังถูกปกคลุมด้วยความกังวลต่อวิกฤตหนี้กรีซ และการอ่อนตัวของหุ้นในกลุ่มธนาคารหลัง NPL หลายธนาคารปรับสูงขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า ทำให้ SET Index มีโอกาสแกว่งผันผวนต่อจากช่วงเช้า โดยกลุ่มพลังงานยังมีโมเมนตัมการเก็งกำไรเป็นบวกตามราคาน้ำมันโลกที่ยังคงปรับขึ้นต่อ ส่วนค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าในไตรมาสนี้ เป็นบวกต่อการสะสมหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE SVI) (แนวต้าน: 1,531 และ 1,540 // แนวรับ: 1,513 และ 1,505)
สำหรับภาพใหญ่ เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อทิศทางตลาดในช่วงไตรมาส 2/58(พ.ค.-มิ.ย.) โดยประเมิน downside ที่ 1,440 จุด (ซึ่งอาจไม่ลึกถึงระดับดังกล่าว) จากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนหลังงบไตรมาส 1/58
– หุ้นแนะนำภาคบ่าย: เก็งกำไร TOP (ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 4 เดือน + ค่าการกลั่นแตะระดับสูงสุดในรอบปี + คาดพลิกกลับมากำไรในไตรมาส 1/58) AAV (เก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/58)และทยอยสะสม KCE ADVANC
คำแนะนำ
– กลยุทธ์: “เก็งกำไรในกรอบ 1,500-1,540 จุด” แนะนำนักลงทุนระยะสั้นเพียงเก็งกำไรในวงเงินจำกัดในกรอบ 1,500-1,540 จุด โดยใช้ 1,500 เป็นจุด stop loss หรือชะลอการซื้อ เน้นเก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่มีปัจจัยบวก เราชอบหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน (KCE SVI) และหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 1/58 ออกมาดี (AAV AOT ERW THCOM BH) ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรายตัวเมื่อปรับถอย โดยเฉพาะการหลุดต่ำ 1,500 จุด (Top pick: SCC CK CPALL TOP PS ADVANC CENTEL KCE BCP)
Trading Idea
– หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย: 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน (KCE SVI) 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น (CPALL MAKRO) 3) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลง ได้แก่ Consumer finance (KTC AEONTS) กลุ่มธนาคารขนาดกลาง (TISCO TCAP KKP) กลุ่มเช่าซื้อ (THANI GL TK IFS LIT GCAP) และกลุ่มอสังหาฯ (AP PS) 4) กลุ่ม High Yield (ADVANC INTUCH)
ประเด็นจับตา/ติดตาม
– (-) ภาวะเงินทุนต่างชาติ – คาดแรงขายจากการปรับสถานะการลงทุนอาจต่อเนื่องไปอีกระยะ แต่ให้จับตาการพลิกกลับมาแข็งค่าของเงินบาทและแรงซื้อในกลุ่ม TIP อาจช่วยชะลอแรงขาย
– (-) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ – หากออกมาแข็งแกร่งอาจเพิ่มความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ