ได้เวลาโบยบินพลวัต2015
เมื่อวานนี้ บลจ.ทิสโก้ แถลงข่าวชี้ชวนคนไทยไปลงทุนในจีน ผ่านกองทุนกองทริกเกอร์ฟันด์ "ไชน่า ทริกเกอร์ 8%" กองที่ 20 ที่บริษัทบริหารอยู่ เพื่อเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
เมื่อวานนี้ บลจ.ทิสโก้ แถลงข่าวชี้ชวนคนไทยไปลงทุนในจีน ผ่านกองทุนกองทริกเกอร์ฟันด์ “ไชน่า ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 20 ที่บริษัทบริหารอยู่ เพื่อเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
คำอธิบายในการเปิดกองทริกเกอร์ดังกล่าว น่าสนใจ เพราะบอกว่าเป็นจังหวะเวลาตอนราคาหุ้นถูก เนื่องจากสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรง จากข่าวการเพิ่มกฎเกณฑ์การปล่อยมาร์จิ้นซื้อขายหุ้นเพิ่มเติม เพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดหุ้นโดยใช้เงินกู้มาร์จิ้น ทำให้นักลงทุนมีความกังวลจึงเทขายกันหนัก ดัชนี HSCEI หรือ H-Shares ร่วงหนัก แต่ภาพรวมของตลาดเซี่ยงไฮ้ถือว่ายังสดใส เพราะรัฐบาลยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผนควบรวมรัฐวิสาหกิจดันเศรษฐกิจจีนเพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเพิ่มเติม ทำให้โอกาสที่ดัชนีตลาดจะยังไปต่อมีสูง โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์สูงประมาณ 17% ถือว่าน่าสนใจ
คำเชิญชวนดังกล่าว มีความหมาย เพราะออกมาในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยกำลังปรับฐานแรงเช่นกัน แต่กลับไม่มีความสนใจของบลจ.ทั้งหลายพากันออกกองทุนทริกเกอร์มารับเหมือนเช่นเคย มีแต่ระดมเทขายหนักโดยเฉพาะหุ้นใน SET50 ในหลายวันมานี้ต่อเนื่อง
มุมมองดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิดประหลาด เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ยังอยู่ในช่วงเวลาของการผันผวนจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่สวยงามเท่าใดนักเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังอยู่ในความคลุมเครือ มีแต่คำแก้ต่างและปลอบโยนว่าเศรษฐกิจยังดีกว่าสมัยรัฐบาลว่านเครือทักษิณ และกำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับตัวเลขที่ออกมาตอกย้ำว่าสุ่มเสี่ยงกับภาวะเงินฝืดเข้าไปทุกขณะ
มุมมองต่อตลาดจีนของ บลจ.ทิสโก้ หรือบลจ.อื่นๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะดังที่ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ในหลายเดือนมานี้ เป็นตลาดหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในเอเชีย แล้วความร้อนแรงดังกล่าวก็ส่งถ่ายต่อมายังตลาดหุ้นฮ่องกงได้ หลังจากที่มีการเชื่อมต่อตลาดหุ้นทั้งสองเข้าด้วยกัน กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ครึกโครมใน 1 เดือนที่ผ่านมา ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวแรง หลังจากมีมาตรการคุมหุ้นร้อนออกมาหลายขนาน
นับแต่เดือนตุลาคม 2557 ที่ดัชนี SSEC ของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่ระดับ 2,400 จุดได้ทะยานขึ้นมาที่ระดับปิดตลาดวานนี้ 3,995.50 จุด บวกมากถึง 66% หรือหากจะนับย้อนหลังไป 12 เดือน จะบวกแรงมากถึง 120% ทีเดียว (ดูตารางประกอบ) แต่การปรับฐานแรงในหลายวันมานี้ ไม่ได้บอกว่าตลาดกำลังจะพัง เป็นเพียงแค่การปรับสถานะของนักลงทุนธรรมดาหลังจากทำนิวไฮในรอบ 7 ปีไปแล้ว การพุ่งแรงและเติบใหญ่ของตลาดนี้ ยังมีโอกาสอีกมากมาย