น้ำมันดิบปิดวานนี้ปรับลงหลังดอลล์แข็งค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น เพิ่มขึ้น 0.51% ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 487 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 12,000 บาร์เรล สู่ระดับ 61.7 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะของสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว