ฮือฮาโรฮิงทายท้าวิชามาร

“โรฮิงญาๆๆ” กระแสเห็นใจสงสารชาวมุสลิมยะไข่พลัดถิ่น กลายเป็นเพลงเพื่อชีวิตคาราบาวอย่างปืนไว เอาไว้ร้องคู่กับกระแสข่าวกวาดล้างจับกุมนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งน่าประหลาดใจว่าตั้งเครือข่ายค้ามนุษย์ได้ใหญ่โตโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมมือ


“โรฮิงญาๆๆ” กระแสเห็นใจสงสารชาวมุสลิมยะไข่พลัดถิ่น กลายเป็นเพลงเพื่อชีวิตคาราบาวอย่างปืนไว เอาไว้ร้องคู่กับกระแสข่าวกวาดล้างจับกุมนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งน่าประหลาดใจว่าตั้งเครือข่ายค้ามนุษย์ได้ใหญ่โตโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมมือ

“โรฮิงญาๆๆ” คนไทยยังสับสนไม่รู้จะเรียกอะไรแน่ เพราะราชบัณฑิตยสถานให้เรียกทับศัพท์ภาษาพม่า “โรฮินจา” ทั้งๆ ที่ชนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “โรฮิงญา” แต่สื่อทั้งหลายก็เปลี่ยนไปเรียกตาม “ทางการสั่งมาว่า”

ที่แน่ๆ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ระบุว่าระหว่างที่เราร้องเพลงกันอยู่นี้ ก็มีโรฮิงญาลอยเท้งเต้งอยู่ในทะเลใกล้ชายฝั่งไทยกว่า 8,000 คน เพราะเมื่อรัฐบาลปราบหนัก พวกนักค้ามนุษย์ก็ไม่กล้าเอาเรือเทียบฝั่ง จึงทิ้งผู้อพยพไว้กลางทะเล

อ้าว…เป็นงั้นไป อุตส่าห์ปราบแก๊งค้ามนุษย์กลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษ ทำให้ผู้อพยพเสี่ยงตายอยู่กลางคลื่นลม แทนที่จะได้ขึ้นมาเป็น “สินค้า” บนฝั่ง

พูดอย่างนี้ไม่ได้โทษใครแต่จะบอกว่านี่ไงปัญหางูกินหาง คนไทยคงรู้กันแล้วว่าวิกฤติโรฮิงญาในพม่าหนักหนาเกินแก้ ไม่ใช่แค่อำนาจรัฐบีฑาแต่ถูกปลุกความเกลียดชังทั้งเชื้อชาติศาสนา ชาวโรฮิงญาต้องหนีลงทะเลมุ่งหน้าไปมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย โดยอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน

แต่ก็ไม่ใช่ว่ามาเลย์ อินโดฯ ยอมรับโรฮิงญาไปทำงานอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะสามารถอนุญาตให้ตีตั๋วเดินผ่านอย่างเอิกเกริก มันจึงกลายเป็น “เส้นทางค้ามนุษย์” ที่ลักลั่นในแง่มนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน

เพราะเมื่อรัฐบาลไทยสกัดจับ โรฮิงญาก็อยู่ในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายต้องส่งกลับพม่า ซึ่งก็เป็นปัญหามนุษยธรรมอีก ระหว่างรอส่งกลับก็ต้องกักขังไว้ตามด่าน ตม.ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็เป็นเรื่องเป็นราว เพราะชาวโรฮิงญาเรียกร้องการดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ก่อเหตุ “จลาจล” จนคนไทยบางส่วนก็ไม่พอใจบอกไล่ไปเสียพ้นๆ

ถามว่าชาวโรฮิงญาอยากให้ช่วยไหม เขาก็อยากให้ช่วยไม่ให้ถูกฆ่า ข่มขืน ทำร้าย เรียกค่าไถ่ แต่เขาก็ไม่อยากถูกกักในค่ายอพยพ หรือถูกส่งกลับ ขณะที่คนไทยจำนวนมากก็คงไม่ยอมรับ ถ้าจะให้โรฮิงญาออกมารับจ้างทำงาน

เคยมีเด็กโรฮิงญาถูกช่วยไปไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวตะกั่วป่า ต่อมาก็หนีไปกับนายหน้า แล้วโทรกลับมาขอบคุณ บอกว่าสบายดี นายหน้าพาไปขายที่มาเลย์ ตอนนี้ทำงานใช้หนี้หมดแล้วและส่งเงินกลับบ้านได้เดือนละหมื่นบาท นั่นละครับ ภาพสะท้อนปัญหาที่ลักลั่น

รัฐบาลไทยจะเจรจากับพม่า มาเลเซีย ซึ่งยังมองไม่เห็นทางออก เพราะพม่าคงไม่เปลี่ยนนโยบาย มาเลย์ก็คงไม่อ้าแขนรับโรฮิงญาอย่างเปิดเผย ระยะยาวต้องดึงองค์กรระหว่างประเทศมาช่วย ทั้ง UNHCR และองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ในการตั้งค่ายอพยพหรือรับไปประเทศที่สาม รวมทั้งย้อนไปกดดันพม่าผ่าน UN (ซึ่งย้อนแย้งอยู่เหมือนกัน เพราะพี่ไทยก็มีปัญหากับ UN และ UNHCR เรื่องประชาธิปไตย)

ที่แน่ๆ ในระยะเฉพาะหน้า ปัญหาโรฮิงญาเข้ามาช่วยให้รัฐบาลไทยได้เป็นพระเอก ปราบปรามการค้ามนุษย์ที่สหรัฐจัดอันดับเทียร์ 3 และอียูแจกใบเหลือง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเลย เรื่องเริ่มจากตำรวจหัวไทร นครศรีธรรมราช จับขบวนการค้าโรฮิงญาตอนต้นปีแล้วขยายผลจนนำไปสู่การขุดศพ (อย่าลืมปูนบำเหน็จนะ) แต่ถ้าแก้ปัญหาระยะยาวไม่ได้ พ้นช่วงรัฐบาลเอาจริง เดี๋ยวขบวนการค้ามนุษย์ก็กลับมา

Back to top button