พาราสาวะถีอรชุน

คงจะติ๊ดชึ่งไม่ออกสับขาหลอกไม่ได้ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานจึงมีมติให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คงไม่ใช่การกดดันให้ครม.และคสช.ที่จะประชุมกันในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ตัดสินใจตาม เพราะถ้าถามใจคนส่วนใหญ่ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เสียงของประชาชนสำคัญที่สุด


คงจะติ๊ดชึ่งไม่ออกสับขาหลอกไม่ได้ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานจึงมีมติให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คงไม่ใช่การกดดันให้ครม.และคสช.ที่จะประชุมกันในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ตัดสินใจตาม เพราะถ้าถามใจคนส่วนใหญ่ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เสียงของประชาชนสำคัญที่สุด

แต่ก็ยังมีคนอีกพวกที่นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน พร้อมเพื่อนสปช. 26 คนเข้าชื่อเพื่อเสนอให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 308 จากที่จัดให้มีการเลือกตั้งส.ส.ภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เป็น ให้กกต.จัดการทำประชามติถามประชาชนว่า ให้การปฏิรูปประเทศสำเร็จภายใน 2 ปีเสียก่อนแล้วค่อยจัดเลือกตั้ง

จากนั้นก็อ้างข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ใช่การชงเพื่อสืบทอดอำนาจของสปช.และสนช. แต่เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความเห็นว่าต้องการให้เป็นอย่างนั้นหรือไม่ เพราะส่วนตัวและคณะเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงการเลือกตั้งแต่อยากให้มีการปฏิรูปมากกว่า จึงต้องตั้งคำถามกับไพบูลย์ว่าคนส่วนใหญ่ที่อ้างถึงนั้นคือม็อบกปปส.ที่ไปขึ้นเวทีทุกวันในช่วงที่นั่งเป็นส.ว.ลากตั้งหรือเปล่า

เอาเข้าจริงสุดท้ายก็เห็นธาตุแท้ของคนพวกนี้ที่ชอบสีข้างเข้าถูและเงื่อนเวลา 2 ปีมันก็ช่างตรงกันกับข้อเสนอของ วันชัย สอนศิริ ที่ออกโรงเชลียร์ยก 5 เหตุผลให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ทำหน้าที่ต่อไป คงอย่างที่ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่บอก วันชัยพูดอะไรไม่มีความสำคัญอะไรนัก เพราะรู้ดีว่าเขามีปัญญาคิดได้เพียงแค่นี้เพื่อให้ตัวเองได้ยืดการอยู่ในตำแหน่งลากตั้งออกไปได้ 2 ปี

เช่นเดียวกันกับ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทยที่สวนกลับพร้อมตั้งคำถามต่อทนายความชื่อดังที่ตอนหลังมาได้ดิบได้ดีจากการลากตั้ง ด้วยคำถามง่ายๆ ไหนเคยค้านหัวชนฝาต้านสภาผัวเมีย แต่ตัวเองกลับตั้งลูกสาวให้เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นี่แหละสูตรคนดี คนอื่นทำเป็นต้องชั่วต้องเลวไปหมด ครั้นพอตัวเองทำกลับหาเหตุอ้างให้ดูเป็นเรื่องดีเลิศประเสริฐศรี

ปมว่าด้วยข้อเสนอให้ทำประชามติปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง ทำเอา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเก่าแก่ต้องออกมาแตะเบรกทันควัน พร้อมยกหลักการนิ่มๆ คสช.มีหน้าที่รักษาความสงบและวางรากฐานให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้  โดยให้รัฐบาลต่อไปมาสานต่อ ไม่ควรวางแนวทางให้ปฏิรูปต่ออีก 2 ปี เพราะอาจถูกมองได้ว่าต้องการสืบทอดอำนาจ

ขณะเดียวกันยังอธิบายต่อเป็นฉากๆ ว่า ถ้าจะให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งเพราะหลังจากนั้นทุกอย่างจะเดินตามโรดแม็พ ปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไขมีอีกมากมายทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร และปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งการเปิดประชาคมอาเซียน

แหม! เห็นวิสัยทัศน์อย่างนี้แล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้นำประเทศหลังการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ คงเหมือนอย่างที่มีบางคนบางพวกเชียร์ เห็นหน้าตาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว พรรคอภิสิทธิ์ชนได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ ส่วนปมความขัดแย้งหรือข้อถกเถียงเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น อภิสิทธิ์บอกว่าจะไม่จบสิ้นอีก 2-3 ปีก็ไม่หลุดพ้น

คงต้องยอมรับในการตีเนียน แบ่งบทบาทกันเล่นของคนพรรคนี้จริงๆ ไม่ใช่การกล่าวหาเพราะล่าสุด ชุมพล จุลใส คนที่เคยถือปืนอูซี่เดินเคียงข้าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ตอนม็อบบุกสภาเมื่อปี 2553 นั่นแหละและร่วมหัวจมท้ายในการปลุกม็อบกปปส. ออกมายอมรับแล้วว่า อดีตสมาชิกประชาธิปัตย์ที่เคยลาออกไปก่อนหน้าจะกลับมาสังกัดพรรคเดิมทั้งหมด

เอ้า! ไหนก่อนหน้านั้นใครต่อใครในพรรคนี้ต่างออกมาปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวของกปปส.ไม่เกี่ยวกับพรรคเก่าแก่ แม้กระทั่งองค์กรอิสระบางแห่งก็เห็นตามนั้นด้วย การรับสารภาพเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร แต่คงไม่มีใครจะไปต่อปากต่อคำกับพรรคจอมสร้างวาทกรรมได้ ขณะที่เทพเทือกที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสึกลูกน้องคนสนิทยืนยันไม่กลืนน้ำลายเล่นการเมืองอีกแน่นอน

จับสัญญาณเช่นนี้ก็พอเห็นทิศเห็นทางกันแล้ว ประเทศไทยหลังการปฏิรูปจะเดินกันอย่างไร ส่วนพรรคคู่แข่งอย่างเพื่อไทยคงทำใจไว้ล่วงหน้า จะสู้ก็ต้องเปลี่ยนแนวทางคงไม่ใช่หวังผลชัยชนะจากการเลือกตั้ง หากแต่ต้องเป็นกระบวนการสร้างประชาชนให้รักและหวงแหนประชาธิปไตย ไม่รับอำนาจเผด็จการ จะใช้การโหวตโนผ่านการเลือกตั้งหรืออย่างไรก็สุดแท้แต่

วันวาน บิ๊กตู่พูดถึงประเด็น ทักษิณ ชินวัตร เตรียมจะไปพูดที่เกาหลีใต้ หวังให้คนไทยแยกแยะว่าอะไรผิดอะไรถูก ทางทีมโฆษกพรรคนายใหญ่เลยออกมาสะกิดเบาๆ ว่า ไม่ต้องห่วงเพราะอดีตนายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศมา 6 ปีรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ที่สำคัญคนเชิญทราบดีว่าทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ของไทยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนั้นยังทำประชาธิปไตยให้กินได้ มีผลงานการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดดที่คนทั้งโลกต้องหันมามองประเทศไทย รับรองว่าคนแดนไกลไม่ทำตัวเป็นเด็กๆ หรือเอาชื่อเสียงที่สั่งสมมา มาทิ้งบนเวทีนี้แน่นอน พร้อมส่งความปรารถนาดีไปถึงฝ่ายความมั่นคงที่จะคอยมอนิเตอร์ด้วยว่า สามารถติดตามได้ทางช่องทางที่ผู้จัดเตรียมไว้ ไม่ต้องตื่นเต้น ตื่นตระหนก เพราะคนชื่อทักษิณเดินทางไปพูดมาแล้วทั่วโลก นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ว่ากันตามนั้น

ถูกเด้งอีกกระทอกสำหรับ อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน หลังจากยุคยิ่งลักษณ์ถูกย้ายจากปลัดคลังไปนั่งเป็นเลขาธิการ ก.พ.ร. รอบนี้ก็ถูกโยกกลับมานั่งที่นี่เหมือนเดิม แต่ตามข่าวบอกว่าน่าจะเป็นการพักผ่อนเพื่อไปต่อในเก้าอี้ที่ใหญ่กว่าเรียกได้ว่าต้องพาไปอยู่ในที่ที่เหมาะที่ควร ส่วนปลัดกระทรวงอื่นๆ ก็ยังเบาใจกันไม่ได้ เพราะมีรายงานว่าผู้มีอำนาจไม่ปลื้มหลายแห่งรอแค่จังหวะและเวลา (เชือด) ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

Back to top button