CCP หวัง Q2/58 รายได้-กำไรโต หลัง Q1/58 รับผลกระทบส่งมอบงานล่าช้า

CCP หวัง Q2/58 รายได้-กำไรโต หลัง Q1/58 รับผลกระทบส่งมอบงานล่าช้า


นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/58 คาดเติบโตดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 642.78 ล้านบาท และมีกำไร 36.93 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งมอบงานได้มากขึ้น โดยเฉพาะคอนกรีตผสมเสร็จ คอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานโครงสร้างงานระบบ และคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานตกแต่ง

นอกจากนั้น บริษัทยังเชื่อว่าผลประกอบการจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ 2,350 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้ในปีนี้ประมาณ 60% และคาดว่าจะมีงานเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ไตรมาส 1/58 บริษัทส่งมอบงานได้ล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้รายได้ลดลงมาที่ 604.74 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 741.61 ล้านบาท โดยลดลง 136.86 ล้านบาท หรือลดลง 18.45% ส่วนกำไรสุทธิ 14.74 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 67.20 ล้านบาท โดยลดลง 52.46 ล้านบาท หรือลดลง 78.06%

บริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปี 58 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10% หรือประมาณ 2,900 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,662.56 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการสั่งซื้อ (ออเดอร์)ของภาครัฐเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังมีการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม รวมไปถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักผ่านกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมออกบูธในงานสถาปนิก 2015 นำเสนอสินค้าวัสดุก่อสร้างนวัตกรรมใหม่ภายใต้แบรนด์ CPS (CCP Paving Stones Co., Ltd) ซึ่งเป็นสินค้าคอนกรีตหล่อสำเร็จ อาทิ บล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วย ลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน และทำให้งานเสร็จรวดเร็ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากช่างและนักสถาปนิกที่มาชมงาน

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.58 บริษัทได้เริ่มซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนของ CCP ที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ อีกทั้งบริษัทได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) จากเดิมราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น เป็นราคาพาร์ 0.25 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 58 มีมติอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นเป็น 2,619,499,091 หุ้น จึงถือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นให้มากขึ้น

               

 

Back to top button