พาราสาวะถีอรชุน
ถูกของท่านการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกอาการรำคาญนักข่าวที่ซักไซ้ไล่เรียงถามแต่ปมทำประชามติอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการแก้ไข เป็นอีกมุมที่น่าสนใจ เพราะก่อนจะไปถึงการหยั่งเสียงของประชาชนนั้น ยังมีอีกหลายปมของร่างรัฐธรรมนูญที่คนทั่วไปมองว่าจะสร้างปัญหา ถ้านำไปลงประชามติจะถูกคว่ำเอาง่ายๆ
ถูกของท่านการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกอาการรำคาญนักข่าวที่ซักไซ้ไล่เรียงถามแต่ปมทำประชามติอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการแก้ไข เป็นอีกมุมที่น่าสนใจ เพราะก่อนจะไปถึงการหยั่งเสียงของประชาชนนั้น ยังมีอีกหลายปมของร่างรัฐธรรมนูญที่คนทั่วไปมองว่าจะสร้างปัญหา ถ้านำไปลงประชามติจะถูกคว่ำเอาง่ายๆ
ดังนั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การประชุมร่วมกันของครม.กับคสช.ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จุดใหญ่ใจความคงเป็นประเด็นที่ว่าด้วยองค์กรหลากหลายซึ่งมองไปรังแต่จะสร้างปัญหา เช่นเดียวกันกับสัดส่วนของกลุ่มคนที่มีอำนาจมหาศาลจากการลากตั้ง หากยังไม่ปรับแก้มีแต่จะเสียของ เพราะแนวทางของคนดีจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้
เหมือนอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้า ยิ่งขมวดปมงวดเข้ามามากเท่าไหร่ เนื้อในของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งมีแต่ปัญหา ในฐานะมือกฎหมายประจำรัฐบาลและคสช. วิษณุ เครืองาม คงต้องตีโจทย์คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ที่มี “น้องปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้เป็นที่รักนั่งหัวขบวน ทั้งหมดทั้งมวลหวังดีล้วนๆ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนหรือบางเรื่องประสงค์ร้ายกันแน่
แต่เบื้องต้นเอาแค่ปมทำประชามติกันก่อน ในความเห็นของวิษณุคือ ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่ใช่เขียนเพียงว่าต้องทำประชามติ แต่ต้องแก้ไขกำหนดเวลาเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเขียนล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวทั้งหมด เพื่อให้สามารถทำประชามติได้ ข้อเสนอว่าการทำประชามติเป็นสิทธิของประชาชนตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่ได้ให้คำตอบว่าจะทำประชามติเมื่อใด ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ขณะเดียวกันไม่สามารถนำมาตรา 44 มาใช้ได้เพราะมาตรา 44 เป็นอำนาจที่เกิดขึ้นในรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถลบล้างอำนาจที่เท่ากันในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดเวลาเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญไว้ได้ กระนั้นก็ตามหากจะต้องทำกระบวนการจะมีอยู่ 2 ส่วน คือ แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อเปิดประตูให้มีการทำประชามติ
จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการทำประชามติ โดยวิษณุยกโจทย์ใหญ่มาสะกิดว่า หากมีการทำคงจะเกิดเดือนธันวาคมปีนี้หรือไม่ก็มกราคมปีหน้า ซึ่งเกินกรอบเวลาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว จึงต้องรื้อกำหนดวันเวลาใหม่ เมื่อแก้แล้วต้องเขียนด้วยว่าให้มีการทำประชามติและทำภายในกี่วัน นับตั้งแต่เมื่อไหร่ และใครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นกกต.
ที่สำคัญต้องกำหนดว่าหากทำประชามติแล้วผ่านหรือไม่ผ่าน จะเกิดผลอะไรตามมา ถ้าไม่ผ่านตัวอย่างก็มีเช่น กลับไปตั้งสปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ใหม่ หรือนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ หรือตั้งคนกลางขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 1-2 เดือน ตรงนี้ก็จะเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันต่อ เพราะเวลานี้มีข้อเสนอเกี่ยวกับการทำประชามติเพิ่มขึ้น
สองสามประการอย่างที่วิษณุบอกไว้ ในกรณีหยิบรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งฉบับใดมาใช้ ก็มีแค่ 2 กรณี คือ ข้อเสนอโดยเพื่อไทยและนปช.ที่ให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ส่วนประชาธิปัตย์เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ขณะที่อีกทางเลือกแบบมีวาระซ่อนเร้นมาจาก ไพบูลย์ นิติตะวัน และสปช.สายกปปส.ที่ให้ทำประชามติเพื่อให้ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง
อย่างหลังนี้คงเดินต่อลำบาก ล่าสุด ดิเรก ถึงฝั่ง สปช.สายประชาธิปไตยแสดงความเห็นคัดค้านอย่างมีเหตุมีผล เมื่อมีรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแล้วควรจัดการเลือกตั้ง ขณะที่เรื่องการปฏิรูปในรัฐธรรมนูญได้กำหนดรายละเอียดไว้อยู่แล้ว ถูกต้องตามท่านว่า เพราะแนวทางรวมทั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับปฏิรูปนั้น มีการเขียนไว้ละเอียดยิบ
ถึงขนาดที่มัดมือมัดเท้าให้รัฐบาลที่จะมาใหม่ต้องทำตามกันทีเดียว จึงมองไม่เห็นความจำเป็นต่อข้อเสนอดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่าไพบูลย์และคณะต้องการจะเอาใจแนวร่วมม็อบกปปส. เพราะไปขึ้นเวทีปราศรัยทุกวันในช่วงเป็นส.ว.ลากตั้ง ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่สำเร็จคงไม่เป็นปัญหา ก็หัวเรือใหญ่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ป่าวประกาศไปแล้วสิ่งที่คณะรัฐประหารและองคาพยพได้ดำเนินการ ถือว่าเป็นไปตามเป้าของกปปส.เกิน 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรต่อ
วันนี้ ที่บ้านปิ่นประภาคม พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีจะเปิดบ้านพักให้คนที่รักใคร่นับถือเข้าอวยพรเนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 83 แต่ก่อนหน้านั้นรุ่นน้องอย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรียกร้องไม่ต้องการให้สื่อมวลชนไปทำข่าวบิ๊กจิ๋วเพราะอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมือง ร้อนถึงคนใกล้ชิดต้องออกมาตอบโต้ด้วยท่วงทำนองดุเดือด
โดย “เสธ.หมึก” พลโทพิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำตัวบิ๊กจิ๋วระบุว่า สงสัยเป็นอาการตกใจของคนซึ่งไม่เคยรบ ไม่เคยรู้เรื่องการเมือง แต่โชคดีที่บุญหล่นทับเท้าบวมให้ได้มารับตำแหน่งรัฐมนตรี ดังนั้น จะไปรู้เรื่องอะไร ถือว่าเป็นเรื่องลำบากที่จะไปห้ามใครต่อใคร เพราะประเทศนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่เข้าใจปัญหาบ้านเมือง
น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่บิ๊กป้อมจะมาตั้งท่ากับงานวันเกิดของบิ๊กจิ๋ว ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านั้นวันเกิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองใหญ่หัวหน้าคสช.ยังเคยส่งกระเช้าดอกไม้ไปร่วมแสดงความยินดี นั่นก็เป็นเรื่องใหญ่ทางการเมืองเหมือนกัน เลยไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าคนที่เป็นถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม จะกลัวทหารแก่อะไรขนาดนั้น
ตามข่าวบอกว่าจากเดิมที่บิ๊กจิ๋วจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลยต้องเปลี่ยนให้ใครอยากถามอะไรก็ถาม นั่นยิ่งน่าห่วงมากกว่า แต่อย่าลืมว่าวันเดียวกันมีงานวันคล้ายวันเกิดของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อีกหนึ่งงาน ที่จะต้องเป็นจุดรวมพลของคนการเมืองในระบอบทักษิณ ฝ่ายความมั่นคงคงต้องทำงานหนักหน่อย น่าจะเป็นการจับตาการปรากฏตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องไปร่วมงานพี่สาว อาจจะสัมภาษณ์ต่อกรณีการไปขึ้นศาลในคดีจำนำข้าววันที่ 19 พฤษภาคมนี้แต่คงไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องหวั่นไหว