ครึ่งบ่ายไม้สั้น – บล.คันทรี่กรุ๊ป

บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้


สรุปตลาดภาคเช้า

ตลาดหุ้นภาคเช้าได้รับผลบวกจากการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 3% จากวันก่อนหน้า ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานทั้ง PTT และ PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำตลาด อีกทั้งยังมีมุมมองจาก Fed ที่คาดว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น ช่วยหนุนให้ปิดตลาดเช้าดัชนีเพิ่มขึ้น 5.03 จุด (+0.33%) มาอยู่ที่ 1,531 จุด มูลค่าซื้อขาย 1.8 หมื่นล้านบาท

 

แนวโน้ม ภาคบ่าย

เราคาดดัชนีในช่วงบ่ายจะแกว่งตัวแคบเช่นเดิม เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังไม่สดใส (NPLเพิ่มขึ้น, ส่งออกติดลบ) โดยมองแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1540 จุด ทำให้โอกาสการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีค่อนข้างจำกัด แนะนำลดน้ำหนักการลงทุน เพื่อรอลงทุนรอบใหม่ หรืออาจเลือกลงทุนในหุ้นที่ Defensive และ High Dividend Yield 

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค

SPPT ราคาปิด 3.20 บาท

แนวรับ 3.14 บาท     แนวต้าน 3.50 บาท

แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 3.10 บาท

กราฟ SPPT อยู่ในระหว่างการสร้างตัวเป็นกระทะหงาย โดยสามารถยกฐานทำ low ที่สูงขึ้นมาอย่างช้าๆ และ RSI ก็เหวี่ยงตัวในทิศทางเดียวกัน โดยเป้าหมายทางทฤษฎีควรจะปรับตัวขึ้นไปได้ถึง 3.50 บาท  แนะนำซื้อ

 

เด็กแนว

ตะวันออก หุ้นกลุ่มลีสซิ่งรอบนี้มีหวังวิ่งยาวกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำกลับเพิ่มผลตอบแทนของกับการเช่าซื้อ  ล่าสุด ผู้ว่าแบงก์ชาติยอมรับว่าเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งอันนี้สอดคล้องกับความเห็นนายแบงก์หลายแห่งว่าต้องลงแน่หากเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้ต้องใช้ยาแรงเท่านั้น และถ้าลดดอกเบี้ยนโยบายลง ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารก็จะลงอีก และดอกเบี้ยเงินกู้ก็ต้องลงตาม บริษัทลีสซิ่งก็ยิ่งได้ส่วนต่างกำไรมากขึ้น  เด็กแนวย้ำว่าบริษัทที่ไม่มีแบงก์แม่หนุนหลังจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะพวกนี้ปล่อยสินเชื่อที่พวกแบงก์ไม่ค่อยทำกัน และเมื่อเป็นสินเชื่อชนิดพิเศษการคิดดอกเบี้ยก็บานตะไท และแนวโน้มจะมีการปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเพื่อดึงลูกค้าจากเงินกู้นอกระบบ บ่ายนี้กลับมาสนใจ ECL ตะวันออกลีสซิ่ง ที่ราคาหุ้นลงจาก 3.84 บาทหากนับลงถึงระดับต่ำสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ 1.87 ก็เท่ากับรูดมา 115% ขนาดนั้นเลย ทั้งๆที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 14% ใน Q1 จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล ในช่วงตั้งแต่ไตรมาสสองไปการร่วมธุรกิจกับบริษัทแอสเสทแมเนจเม้นท์ โฮลดิ้งค์ เน้นให้สินเชื่อรายย่อยภาคตะวันออก จะเห็นผล และน่าจะได้รับอนมัติให้ทำนาโนไฟแนนซ์เช่นกัน  ถือว่าบริษัทได้เปรียบ เพราะยังมีพันธมิตรญีปุ่นที่ถือหุ้นและต้องการถือหุ้นเพิ่มด้วย พวกนี้มี know how เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์มือสองอย่างมาก เด็กแนวมองว่า ECL มาถึงจุดที่ราคาต่ำและน่าสะสมค่า PE เคยสูงระดับ 40 เท่า แต่คาดการณ์กำไรปีนี้จะทำให้ค่า PE ต่ำกว่า 16 เท่า 

 

กราฟราคาหุ้นตกต่ำมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ลงยังกะเจ้าของทิ้งหุ้น แต่คิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น  การลงแบบนี้ทำให้เกิด Oversold และสามารถเด้งกับได้แรงเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม  ซึ่งก็คือในช่วงนี้นั่นเองเนื่องจากเริ่มมี story ใหม่ๆ เข้ามา มองการดีดตัวตามสัญญาณกราฟที่เกิด Bottom out จะเด้งกลับไปที่ระนาบใกล้ 2.34 บาท น่าติดมือไว้ ของราคาถูกงี้ ความเสี่ยงถือว่าน้อย

Back to top button