เปิดตัวหุ้นพุ่งแรง maiเดือนเมษายน 2558
ข่าวหุ้นธุรกิจขอนำเสนอหุ้นในตลาด mai ที่ปรับตัวพุ่งแรงเกิน 10% ประจำเดือนเมษายน 2558 เพื่อประมวลภาพกว้างให้นักลงทุนรู้ว่าหุ้นตัวไหนได้รับความน่าสนใจมากเป็นพิเศษ
แม้ว่าในเดือนเมษายน 2558 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยยังมีความผันผวน อันเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับปัจจัยภายนอกเชิงลบจากต่างประเทศกรณีปัญหาของกรีซ ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลย้อนกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุน ภาวะเช่นนี้ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง แล้วถือเงินสดไว้แทนเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมพร้อมกับมีหุ้นที่ดีๆ เข้ามาให้ลงทุน
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ขอนำเสนอหุ้นในตลาด mai ที่ปรับตัวพุ่งแรงเกิน 10% ประจำเดือนเมษายน 2558 เพื่อประมวลภาพกว้างให้นักลงทุนรู้ว่าหุ้นตัวไหนได้รับความน่าสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ข้อมูลที่ปรากฏเป็นการเทียบเคียงด้านเดียวเท่านั้น ไม่ได้บ่งบอกว่า เป็นราคาหุ้นแพงเกินพื้นฐาน หรือถูกกว่าพื้นฐานแต่อย่างใด แต่เป็นการหยิบยกความเคลื่อนไหวของหุ้นเท่านั้น
สำหรับบริษัทแรกที่ปรับตัวขึ้นพุ่งแรง บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ YUASAโดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 5.60 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 2.55 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 45.54% หลังจากนี้ราคาหุ้นอาจวิ่งต่อจากอานิสงส์ของผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีกำไร 25.76 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 34.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 134.39 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันที่ขาดทุน 8.86 ล้านบาท
อันดับสอง บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือVTE โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.90 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 1.26 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 43.45% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่าบริษัทยังมีประเด็นน่าลงทุน โดยมีโอกาส Turnaround ได้ จากธุรกิจ Trading ถ่านหินจะเริ่มสร้างรายได้ปีแรก
ประกอบกับการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านการลงทุนถือหุ้น 12% ใน GEP ที่จะเริ่มเห็นพัฒนาการจากโซลาร์ฟาร์มแห่งแรก 220 เมกะวัตต์ ในประเทศเมียนมาร์ ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 59 เป็นต้นไป โดยช่วงเดือนมิ.ย.นี้จะเป็นจุดสำคัญที่ MOA ของโรงไฟฟ้านี้ จะเปลี่ยนสถานะเป็นสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) เราแนะนำนักลงทุนที่รับความเสี่ยงระหว่างนี้ได้ ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมก่อน XR ที่ 5.00 บาท
อันดับสาม บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ SWCโดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 7.45 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.85 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 38.26% หลังจากนี้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจากอานิสงส์ข่าวที่ผู้บริหารยังมีแผนขยายธุรกิจโดยนำสินค้าไปจำหน่ายในแถบกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ซึ่งมีความต้องการใช้เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมีในครัวเรือนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ในประเทศดังกล่าว เพื่อกระจายสินค้าให้วางจำหน่ายในประเทศพม่า ลาว กัมพูชาเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทคาดจะเซ็นสัญญาเพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าได้เป็นอันดับแรก และคาดจะเซ็นสัญญาดังกล่าวได้ภายในเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8% จากปีก่อนสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 5-6%
อันดับสี่ บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) หรือ AJP โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 7.70 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.70 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 25.97% หลังจากนี้เชื่อว่าราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นต่อหากบริษัทได้ข้อสรุปการลงทุนธุรกิจพลังงานทางเลือก ภายในไตรมาส 2/58 โดยบริษัทสนใจเข้าลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งรูปแบบการลงทุน บริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ และดำเนินการขอใบอนุญาตเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในโรงไฟฟ้าดังกล่าว รวมถึงสนใจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) อีกด้วย
ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือก อย่างไรก็ดี หากบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือกได้ตามแผน คาดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% และจะเริ่มเห็นสัดส่วนรายได้พลังงานเข้ามาชัดเจน ภายในปี 2559-2560
อันดับห้า บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 5.60 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.95 บาท เพิ่มขึ้น 1.35 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 24.11% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเมื่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 262% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 6.07 ล้านบาท เนื่องมาจากการที่ภาครัฐมีนโยบายปรับราคาก๊าซแอลพีจี ทำให้อัตราขั้นต้นตามงบการเงินเฉพาะบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6.31% ในปี 2557 เป็น 12.63% ในปีนี้
อันดับหก บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) หรือ CHO โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.40 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 18.24% ราคาหุ้นอาจมีการปรับตัวขึ้นต่อ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท จากผลประกอบการที่เติบโตสูงในปีนี้ ที่ 97% มาอยู่ที่ 191 ล้านบาท จากการได้รับงานประมูลโครงการรถโดยสาร NGV
อีกทั้งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญสูงและมี Know How ส่งผลให้มีโอกาสได้รับงานในอนาคตทั้งงานธุรกิจขนส่งทางบก เช่น รถพ่วง รถกึ่งพ่วง และงานในธุรกิจการบิน เช่น รถลำเลียงอาหารสายการบิน คาดมี Upside อีกมากจากโครงการต่างๆ ที่เข้าร่วมประมูล เช่น โครงการต่อเรือ OPV ของกองทัพเรือ คาดว่าจะทราบผลในปี 2016 ซึ่งจะเป็นส่วนหนุนการเติบโตของผลประกอบการ
อันดับเจ็ด บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 20 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 23.30 บาท เพิ่มขึ้น 3.30 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 16.50% หลังจากนี้เชื่อว่าราคาหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากทุกธุรกิจของบริษัทเติบโตดี ทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ธุรกิจวิศวกรรม และธุรกิจเทเลคอม
อันดับแปด บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.80 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 10.19% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเมื่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.32 ล้านบาท จากการขยายจำนวนตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม
ทั้งนี้ จากความหลากหลายของบริการหน้าตู้ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการตู้บุญเติมเพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ครั้งต่อวัน ซึ่งช่วยผลักดันให้ยอดเติมเงินเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้ง บริษัทยังคงแนวทางการจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรของบริษัทเติบโตได้ในอัตราที่สูงกว่ารายได้ที่เติบโตขึ้น
อันดับเก้า บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC โดยวันที่ 31 มี.ค. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.54 บาท ขณะที่วันที่ 30 เม.ย. 58 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 10.17% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเมื่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 427.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.05 ล้านบาท
หมวดหุ้นที่สำรวจมาข้างต้นถือเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มทำผลการดำเนินงานเติบโตได้ต่อเนื่อง ประกอบกับมีข่าวเข้ามาสนับสนุน ราคาจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
…
จัดอันดับหุ้นในตลาด mai ที่ปรับตัวขึ้นในเดือนเมษายน 2558
อันดับ | หลักทรัพย์ | 30-เม.ย.-58 | 31-มี.ค.-58 | เปลี่ยนแปลง | |
บาท | % | ||||
1 | YUASA | 8.15 | 5.6 | 2.55 | 45.54 |
2 | VTE | 4.16 | 2.9 | 1.26 | 43.45 |
3 | SWC | 10.3 | 7.45 | 2.85 | 38.26 |
4 | AJP | 9.7 | 7.7 | 2 | 25.97 |
5 | TAKUNI | 6.95 | 5.6 | 1.35 | 24.11 |
6 | CHO | 4.02 | 3.4 | 0.62 | 18.24 |
7 | ILINK | 23.3 | 20 | 3.3 | 16.5 |
8 | FSMART | 11.9 | 10.8 | 1.1 | 10.19 |
9 | TAPAC | 3.9 | 3.54 | 0.36 | 10.17 |