ดักเก็บ 17 หุ้นปลอดภัยเน้นปันผลสูงSET เสี่ยงลงต่อ-กังวลปัจจัยรอบด้าน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ความกังวลต่อช่วงเวลาที่สหรัฐ จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ยังกดดันหุ้นโลก สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่เห็นประเด็นบวกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ดีนัก สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นที่ปันผลสูง ได้แก่ INTUCH, DELTA, CK, THANI, BJCHI, SCN, TUF, VNG, HANA, RCL, ASP, SANKO, BEAUTY, CBG, IFEC, EPG และ PLANB
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.17 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.46 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ความกังวลต่อช่วงเวลาที่สหรัฐ จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ยังกดดันหุ้นโลก สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่เห็นประเด็นบวกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ดีนัก สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นที่ปันผลสูง ได้แก่ INTUCH, DELTA, CK, THANI, BJCHI, SCN, TUF, VNG, HANA, RCL, ASP, SANKO, BEAUTY, CBG, IFEC, EPG และ PLANB
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยหลุดระดับ 1,500 จุดลงมาเมื่อวานนี้ ทำให้ sentiment ของตลาดยังมีทิศทางเชิงลบอยู่ ประกอบกับเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศสหรัฐปรับตัวลงมา แม้จะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ตลาดกลับมีความกังวลว่าอาจจะทำให้เกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปลดลงเมื่อคืนนี้ด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ยังคงอ่อนตัวลงเช่นกัน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่เห็นประเด็นบวกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ดีนัก โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. ลดลง 1.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โบรกเกอร์หลายแห่งยังได้ลดประมาณการกำไรปีนี้ของบจ. หลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามในช่วงสิ้นเดือนนี้ เกี่ยวกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนเม.ย.ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันศุกร์นี้ และการปรับน้ำหนักหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI รวมถึงทิศทางการลงทุนของต่างชาติด้วย
โดยในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย แต่เป็นลักษณะการเลือกซื้อรายตัว ขณะที่มูลค่าซื้อขายที่เข้ามาในตลาดไม่มากนัก พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,484-1,487 และแนวต้านที่ 1,510 และ 1,515 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.)SET Index ปิดตลาด -10.18 จุด ที่ระดับ 1,497.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3 หมื่นล้านบาท ดัชนีหลุดแนวรับที่ 1,500 จุดต่อเนื่องจากเมื่อวาน จากสัญญาณ MACD ที่เริ่มตัด Signal Line ลงคู่กับ RSI ที่กำลังชี้ทิศทางขาลง มองดัชนีวันนี้ดัชนีมีแรงฉุดลงต่อแต่อาจมีรีบาวน์สั้นๆ แนะนำ Wait and See ว่าจะขึ้นมายืนที่ 1,500 จุดได้หรือไม่ สำหรับนักลงทุน Day Trade รอรีบาวน์เก็งกำไรสั้นๆแถว 1,480-1,490 จุด แนวต้านวางไว้ที่ 1,500-1,510 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น ดัชนีมีโอกาสดีดกลับบริเวณแนวรับ 1480 – 1490 จุด ยังคงแนะนำเพียงเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนระยะกลางแนะนำ Wait & See เนื่องจากดัชนียังความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงต่อหากหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1480 จุด
แนะนำหุ้นที่น่าสนใจ ASP /SANKO /VNG
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) ตลาดไม่สามารถฟื้นตัวปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 วัน ดัชนี SET ปิดต่ำกว่าระดับ 1500 จุด และอยู่ใต้แนวเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 7-14-21 วัน ทำให้ตลาดเป็นแนวโน้มขาลงระยะสั้น มีเป้าหมายที่จะทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณจุดต่ำสุดเดิม 1480-85 จุด ซึ่งเป็นแนวรับรูปแบบสามเหลี่ยมใหญ่จึงเป็นจุดซื้อหุ้นกลับอีกครั้ง คาดว่าที่บริเวณนี้จะมีแรงซื้อรออยู่ SET มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในกรอบ 1480-1510 จุด สำหรับวันนี้ดัชนี SET จะลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1493-1508 จุด โดยมีเป้าหมายในการถอยลงไปรับที่ 1480-85 จุด
แนะนำ “ซื้อ” INTUCH ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 95 บาท จาก 1) ผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตอีกครั้งปีนี้ +12% y-y 2) ได้รับผลดีมากที่สุดจากการประมูล 4G ปลายปีนี้ 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 6-6.7% ในปี 2015-16 และรอรับปันผลกลางปี ~3% 4) ราคาหุ้นต่ำกว่า NAV ที่ 94 บาท อยู่ 18% และ “ซื้อ” DELTA ได้รับผลดีจากค่าเงินบาท ขณะที่ยอดส่งออกเดือน เม.ย.แม้หดตัวลง -1.7% แต่ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโต 7% y-y
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า กดดัน SET กลยุทธ์เน้นหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก หรือสกุลดอลลาร์เป็นหลัก (TUF, VNG, HANA, RCL) เลือก VNG([email protected]) และ TUF (FV@26) เป็น Top Picks
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นแกว่งลงตามต่างประเทศ หาจังหวะเข้าเก็งกำไร
คาดดัชนีเปิดลงต่อ ตามปัจจัยลบภายนอก (หลังวานนี้ลงแรงกว่าคาดเล็กน้อย) แนะเข้าเก็งกำไรโดยอิงแนวรับนักวิเคราะห์เทคนิค KGI แถว 1485 จุด ความกังวลต่อช่วงเวลาที่สหรัฐ จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ยังกดดันหุ้นโลก โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เม.ย.และยอดขายบ้านใหม่ เม.ย. ที่ออกมาสูงกว่าคาดเมื่อคืนนี้ ผลักดัน Dollar Index สูงสุดรอบเกือบ 1 เดือนและส่งผลให้หุ้นสหรัฐและตลาดน้ำมันปรับฐานลง ท่ามกลางความไม่ชัดเจนเรื่องปัญหาหนี้สินกรีซที่ดำรงอยู่
กลยุทธ์สั้นจึงแนะเก็งกำไรตามแนวรับข้างต้น ส่วนการประเมินความเสี่ยงทางลงของ SET นั้น คาดกรณีแย่สุดจะไม่หลุด 1450 จุด อิงPE band 17 เท่าของกำไรกลางปี 2558 (ต่ำกว่าระดับ 1470 จุดที่มองครั้งก่อน เนื่องจากปรับลดประมาณการกำไร บจ.หลังผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมาแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้ รอเก็งกำไรที่แนวรับ CK/THANI/BJCHI/SCN
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์(27 พ.ค.) คงมุมมองเป็น “กลาง” วันที่ 42 พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound เล็กน้อยสู่แนว 1,505-1,510 จุด เมื่อต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา แม้ว่าจะคงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อาจตีความได้ว่า นักลงทุนต่างชาติใช้กลยุทธ์ Hedging ระหว่างตลาด spot และ futures
ด้านปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ และพัฒนาการของแผนการลงทุนขนาดใหญ่ เราเริ่มเห็นสัญญาณเป็นกลางถึงบวก จากตัวเลขการส่งออกที่เริ่มหดตัวในอัตราที่ชะลอตัว ตัวเลขในเดือนพ.ค.จนถึงช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกได้ จากสัญญาณการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ฟื้นตัวเด่นในเดือนเม.ย. ขณะที่ครม.เริ่มพิจารณากรอบการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งมติเห็นชอบร่างกฎหมายร่วมทุนระหว่างรัฐ และ เอกชน (PPP) และกรอบการลงทุนให้เอกชนร่วมลงทุนกับกิจการรัฐ เพื่อเป็นแนวทางในการเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่รถไฟฟ้า / รถไฟความเร็วสูง / รถไฟรางคู่ / การบริหารจัดการน้ำ / มอเตอร์เวย์ เป็นต้น เราคาดว่า ครม.จะเริ่มทยอยอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่องในช่วงนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปเตรียมการประมูลงาน มีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มเปิดประมูลใน 4Q58
แต่แน่นอนว่า ประเด็นการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมในช่วงสั้น ขณะที่ตลาดคาดว่า กนง.จะมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ย RP1 วันในการประชุมถัดไปวันที่ 10 มิ.ย. กดดันต่อภาพรวมกลุ่มธนาคารเป็นสำคัญ แรงกดดันดังกล่าวจะทำให้ SET INDEX มีความเปราะบางและอ่อนแอในช่วงสั้นนี้ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนดังกล่าว และน่าจะทำให้ตลาดเริ่มทรงตัวได้ดี
ดังนั้นหุ้นปันผลระหว่างกาล หรือ หุ้นที่แนวโน้มจะได้เพิ่มเข้าในการคำนวณ SET50 / SET100 ซึ่งจะประกาศในช่วงกลางเดือนมิ.ย. น่าจะเป็นเป้าหมายของการเลือกเก็งกำไรรอบสั้นนี้
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อรอขายทำกำไรรอบสั้นเมื่อเกิด Technical Rebound บริเวณ 1,505-1,510 จุด”
Accumulative Buy: IFEC
บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์(27 พ.ค.)ว่าตัวเลขการส่งออกประจาเดือน เม.ย. ปรากฏว่าหดตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยออกมา -1.70% จากที่ตลาดคาด -3.3% ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -4.45% ซึ่งแสดงถึงสัญญาณที่ดีขึ้นของการฟื้นตัวของการส่งออก ประเมินว่าตัวเลขส่งออกจะกลับมาเป็นบวกในครึ่งปีหลังจากการที่ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ที่กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50%
กลยุทธ์วันนี้ให้รอจังหวะซื้อหุ้นที่มีความเหวี่ยงไหวสูง (High Beta) หากตลาดปรับลดลงแรง(ที่ระดับ 1475-1480) และขายทำกำไรออกหากมีการรีบาวด์ระหว่างวัน โดยคาดว่าหุ้นปันผลสูงอย่าง BTS INTUCH JASIF TRUEIF จะเป็นเป้าหมายของการพักเงินรอจังหวะตลาดปรับฐานในรอบนี้
รวมถึงหุ้นที่จะถูกนำเข้าไปในการคำนวณ MSCI Global Small Cap. ที่จะมีผลในวันที่ 29 พ.ค. อย่าง BA BEAUTY CBG EPG IMPACT IFEC MTLS PLANB PTG SIM SCN TSE UNIQ WORK จะเป็นหุ้นที่อาจมีการซื้อเก็งกำไรได้ โดยทางปัจจัยพื้นฐานชอบ BEAUTY CBG EPG PLANB วันนี้ให้แนวรับที่ 1485-1490 และแนวต้านที่ 1500-1505 จุด