AMATA ขายกอง AMATAR หนุน2Q58แนะซื้อเก็งกำไรราคาเป้าหมาย 19 บาท
AMATA คาดประเด็นบวกในระยะสั้นของ AMATA คือ การขายกองทุน AMATAR นอกเหนือจากกำไรจากการขายที่บันทึกได้ในไตรมาส2/58 ราว 400 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ที่เป็นสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารโรงงาน (Leasehold) ต่อเนื่องในอีก 30 ปี ข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการนำ AMATA-VN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ คาดสามารถดำเนินการในช่วงไตรมาส 3/58 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกส่วนเพิ่มที่เรายังไม่รวมอยู่ในประมาณการ คงราคาเหมาะสมเดิม 19 บาท
บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(27 พ.ค.)ว่า บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA คาดผลประกอบการ ไตรมาส2/58 ของ AMATA จะฟื้นตัวจาก ไตรมาส1/58 ที่มีกำไรเพียง 133 ล้านบาท และเติบโตเด่นกว่าทุกไตรมาส จากการขายกองทุน AMATAR (AMATA Summit Growth REIT) เริ่มขายกองทุนในเดือน มิ.ย. มูลค่าสินทรัพย์รวม 4.7 พันล้านบาท โดยเป็นการขายโรงงานให้เช่าจำนวน 88 โรงงาน พื้นที่เช่ารวม 1.6 แสนตารางเมตร โดยเราประเมินว่า AMATA จะรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนดังกล่าว (เฉพาะส่วนที่เป็น FreeHold 30%) ราว 400 ล้านบาท (สุทธิจากภาษีเงินได้) นอกจากนี้เราคาดว่า AMATA จะรับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอีก 300 ไร่ สูงกว่า ไตรมาส1/58 ที่บันทึกรายได้เพียง 223 ไร่
จากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2557 ของ BOI ที่ผ่านมาสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.1 ล้านล้านบาท เกิดจากการปรับวิธีการให้สิทธิประโยชน์ใหม่ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ขอรับการส่งเสริมไว้ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน BOI ได้มีการเร่งอนุมัติโครงการต่อเนื่องสังเกตได้จากในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย 58) มียอดอนุมัติสูงถึง 3.25 แสนล้านบาท เติบโตมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการอนุมัติเพียง 4.3 หมื่นล้านบาท และคิดเป็น 45% ของยอดอนุมัติปี 2557 และโดยยังคงตัวเลขที่ BOI จะอนุมัติได้อีกกว่า 1 ล้านล้านบาท เรามองว่าส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวส่งผลดีต่อโอกาสการขายที่ดิน ซึ่ง AMATA มีที่ดินรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าพอควร จากปัจจุบันมีที่ดินพร้อมขาย 2.8 พันไร่ อยู่ระหว่างการพัฒนา 8.4 พันไร่ โดยสามารถขอ EIA ได้แล้ว 7.7 พันไร่
แม้ว่า AMATA จะมียอดขายที่ดินใน ไตรมาส1/58 ไม่สูงมากเพียง 212 ไร่ แต่ก็เติบโตสูง 75% YoY จากฐานต่ำที่มีผลกระทบทางการเมือง และคิดเป็นสัดส่วน 20% เมื่อเทียบกับเป้าหมายยอดขายที่ดินของเราที่ 1 พันไร่ ซึ่งเราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ จากที่จะมีกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ เช่น กลุ่มอุปโภคบริโภคสนใจ เข้าลงทุนเพิ่ม นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้ายานยนต์ และ กลุ่มลูกค้าหลักยังคงมาจากประเทศจีนและญี่ปุ่น เราคาดว่ายอดขายที่ดินของ AMATA จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าหลังนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นจะกลับมาลงทุน และคาดการฟื้นตัวของยอดขายมีโอกาสดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี58
เราคาดว่าประเด็นบวกในระยะสั้นของ AMATA คือ การขายกองทุน AMATAR นอกเหนือจากกำไรจากการขายที่บันทึกได้ใน ไตรมาส2/58 ราว 400 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ที่เป็นสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารโรงงาน (Leasehold) ต่อเนื่องในอีก 30 ปี ข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการนำ AMATA-VN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ คาดสามารถดำเนินการในช่วงไตรมาส 3/58 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกส่วนเพิ่มที่เรายังไม่รวมอยู่ในประมาณการ คงราคาเหมาะสมเดิม 19 บาท