น้ำมันดิบปิดขยับขึ้นรับดอลล์อ่อนค่า-ข้อมูลแรงงานสดใส
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลง และข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดวานนี้ (18 มิ.ย.) ที่ 60.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 64.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นขานรับสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากเฟดส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อาจจะไม่รวดเร็วอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดยืนยันว่า เฟดจะยังคงจุดยืนด้านนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้าก็ตาม
ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 467.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 และเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2014 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 21,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.589 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังช่วยหนุนตลาดน้ำมันฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 13 มิ.ย. ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 267,000 ราย ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 15 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง