SET บ่ายลุ้นฟื้นหลังร่วงแรงแนะสะสม 12 หุ้นเทคนิคสวย

SET เช้าปรับลงแรงตามตลาดต่างประเทศ หลังเกิดความกังวลว่ากรีซจะผิดชำระหนี้ ช่วงบ่ายคาด ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นหลังร่วงแรง รวมถึงต้องจับตาผลประกอบของบริษัทจดทะเบียน Q2/58 หากไม่ดีอาจจะถูกปรับลดประมาณการลง โดยมีแนวรับ 1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,508 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (29 มิ.ย.) ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากวิตกกังวลว่ากรีซจะผิดชำระหนี้ และอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งอาจจะกระทบต่อธุรกิจของไทยที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ แต่จะส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออก เนื่องจากผลกระทบดังกล่าวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเช้า รวมถึงต้องจับตาผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/58 หากไม่ดีอาจจะถูกปรับลดประมาณการลง โดยมีแนวรับ 1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,508 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อสะสมหุ้น AOT-CK-DELTA-EA-STEC-BLA-SAMART-DEMCO-PTTGC-SCC-TASCO และ TIPCO

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กรุ๊ป เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความวิตกกังวลการเจรจาหาข้อตกลงการชำระหนี้ของกรีซที่ยังไม่มีข้อสรุป และมีความเสี่ยงสูงจะผิดนัดชำระหนี้ ร่วมถึงอาจจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซน ซึ่งส่งผลต่อ Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยกรีซยังกระทบให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของไทยที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่อีกทางหนึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออก และบริษัทที่มีการบันทึกผลประกอบการเป็นดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้มองว่าอาจไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินทุนต่างชาติมากนัก เนื่องจากตอนนี้นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนไม่มากแล้ว โดยต่ำสุดในรอบ 10 ปี

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดดัชนีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเช้า นอกจากปัจจัยต่างประเทศแล้ว นักลงทุนยังมองปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหลังมีภัยแล้งเข้ามากระทบ และ Valuation ตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนมองว่าแพง

ขณะที่ต้องจับตาผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/58 ที่กำลังจะทยอยออกมาด้วย หากไม่ดีมีโอกาสที่จะถูกปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง พร้อมให้แนวต้าน 1,508 จุด แนวรับ 1,495 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) ว่า ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องส่งออกไปกรีซในสัดส่วน 0.1% ของส่งออกทั้งหมด และกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยจำกัด แต่เนื่องจากนักลงทุนมีแนวโน้มกลับไปสู่สถานะ “Risk-Off” ทั้งนี้ คาด SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในทางลบระยะสั้น โดยมีแนวรับ 1,490-1,500 จุด

ขณะที่ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า มาจากการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ทำให้การปรับลดลงของดัชนีเป็นโอกาสในการซื้อสะสม เช่น หุ้นกลุ่มรับเหมา, หุ้นกลุ่มหุ้นที่กำไรไตรมาส 2/58 ออกมาดี รวมถึงกลุ่มหุ้นที่จะ Turnaround และ กลุ่มหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง โดยประเมินแนวรับทางเทคนิคตาม ตารางดังนี้

Stock แนวรับ/แนวต้าน ปัจจัยลงทุน
AOT 296/310 จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตแกร่ง +30% ในเดือน พ.ค.
CK 26.00/28.50 ผลดีเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดกำไร 2Q15 เติบโตแกร่ง
DELTA 89.00/95.00 อุตสาหกรรมเติบโตได้รับผลดีบาทอ่อน
EA 23.40/24.50 กำไรมีเสถียรภาพ และเติบโต +90%/ปี ในปี 2015-16
STEC 23.00/24.50 ผลดีเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
BLA 49.00/52.00 กำไร Bottom Out ไปแล้ว และคาดกำไรเติบโต y-y q-q ใน 2Q15
SAMART 27.00/29.00 กำไร Bottom Out ใน 1Q15 และธุรกิจพลังงานชัดเจนมากขึ้น
DEMCO 14.00/15.00 ดีล WEH ที่เดินหน้าต่อ เป็นปัจจัยหนุน Valuation ของ DEMCO
PTTGC 68.00/72.00 กำไร 2Q15 ออกมาดีมาก จากปิโตรฯ โรงกลั่น และกำไรสต็อก
SCC 510/530 ผลดีเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ปีนี้
TASCO 21.00/22.40 เป็นหุ้นที่ถูก Consensus Upgrade มากที่สุด
TIPCO 13.40/15.00 ราคาหุ้นยังต่ำกว่า NAV ที่ถือหุ้นใน TASCO อยู่ 24.16%

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 762.90 ล้านบาท ปิดที่ 21.70 บาท ลดลง 0.50 บาท

JAS (XW) มูลค่าการซื้อขาย 657.97 ล้านบาท ปิดที่ 5.35 บาท ลดลง 0.15 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 592.96 ล้านบาท ปิดที่ 304.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 585.38 ล้านบาท ปิดที่ 357.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 505.72 ล้านบาท ปิดที่ 3.02 บาท ลดลง 0.08 บาท

Back to top button